Page 64 - แผนการดำเนินงาน สสส. ประจำปี 2561
P. 64
ชนวัตถุอันตรายข้างทาง พบว่า รถกระบะเกิดอุบัติเหตุสูงสุด ร้อยละ ๗๐ ส่วนรถยนต์นั่งเกิดอุบัติเหตุ
ร้อยละ ๓๒
๙. ผลการศึกษาวิจัยถึงประสิทธิผลของการใช้เข็มขัดนิรภัยในประเทศไทย พบว่า สามารถช่วย
ลดจำานวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ถึง ร้อยละ ๓๔ และผู้ที่ไม่ใช้เข็มขัดนิรภัยมีอัตราความเสี่ยง
ที่จะเสียชีวิตมากกว่าผู้ที่ใช้เข็มขัดนิรภัยถึง ๒ เท่า แต่จากผลการส�ารวจพฤติกรรมการใช้เข็มขัดนิรภัย
62 ในปี ๒๕๕๔ ผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่นั่งตอนหน้ามีอัตราการใช้ร้อยละ ๕๘ และร้อยละ ๔๐ ตามล�าดับ โดยผู้ใช้รถ
ผู้ชายคาดเข็มขัดมากกว่าผู้หญิงเล็กน้อย (ร้อยละ ๕๕ และร้อยละ ๕๐ ตามล�าดับ) และผู้ใช้รถเก๋งคาดเข็มขัด
มากกว่าผู้ใช้รถกระบะ (ร้อยละ ๖๐ และ ๔๘ ตามล�าดับ) จาการส�ารวจพบ ๕ เหตุผลหลัก ที่ผู้ใช้รถยนต์ไม่คาด
เข็มขัดนิรภัยคือ เดินทางระยะใกล้ (ร้อยละ ๕๑) ไม่ได้ขับขี่รถออกถนนใหญ่ (ร้อยละ ๒๙) เร่งรีบหรือต้องขึ้น
ลงรถบ่อย (ร้อยละ ๒๘) ลืม (ร้อยละ ๒๒) และรู้สึกอึดอัดไม่สบาย (ร้อยละ ๒๐) (ที่มา : รายงานสถานการณ์
ความปลอดภัยทางถนนปี ๒๕๕๕ - ๒๕๕๖)
๑๐. ปัจจุบันหน่วยงานภาครัฐ ได้ให้ความส�าคัญสูงกับการด�าเนินการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา
อุบัติเหตุทางถนน เช่น รัฐบาลสนับสนุนในด้านนโยบาย เช่น ก�าหนดให้มีการด�าเนินงานอย่างต่อเนื่องตลอด
ทั้งปี โดยใช้กลไกศูนย์อ�านวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) ทั้งในส่วนกลางและระดับพื้นที่ (ศปถ.
จังหวัด อ�าเภอ และท้องถิ่น) รวมทั้งรัฐบาลเร่งผลักดันกฎหมายผ่านช่องทาง ม.๔๔ และสภานิติบัญญัติฯ
มีนโยบายให้ปรับปรุงการจัดการข้อมูลและรายงานให้สามารถระบุสาเหตุการเกิดเหตุและสาเหตุการเสียชีวิต
มีนโยบาย “ประชารัฐเพื่อสังคม” ในเรื่องความปลอดภัยทางถนน และนโยบาย “Safety Thailand” ที่จะ
แผนการดำาเนินงานประจำาปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
หนุนเสริมการท�างานด้านความปลอดภัยทางถนนกับสถานประกอบการในระดับต่างๆ ทั่วประเทศ รวมทั้ง
การตื่นตัวของหน่วยงานและสถานประกอบการในการสร้าง “มาตรการองค์กรด้านความปลอดภัยทาง
ถนน” ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการก�ากับพฤติกรรมพนักงานขององค์กรได้ในระดับหนึ่ง หน่วยงานหลักต่างๆ
ได้แก่ กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข ส�านักงานต�ารวจแห่งชาติ และกระทรวงมหาดไทย ก�าหนด
นโยบายและมาตรการต่างๆ ในเรื่องความปลอดภัยทางถนน แต่การด�าเนินการของภาคนโยบายยังคงมี
จุดอ่อนในเรื่องแนวทางการปฏิบัติของระดับพื้นที่ ซึ่งยังขาดทั้งความรู้ ต้นแบบ แนวทางการท�างาน บางแห่ง
ไม่สามารถด�าเนินการตามค�าสั่งที่ภาคนโยบายสั่งการลงมาได้ จึงมีความจำาเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องขับเคลื่อน
ให้เกิดการทำางานและการแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
สถิติของศูนย์อ�านวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) และการรายงานของสถาบันการแพทย์
ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ตัวเลขการเสียชีวิตและการบาดเจ็บ ในช่วง ๗ วันอันตรายของเทศกาลปีใหม่
และสงกรานต์ จนถึงปัจจุบันมีแนวโน้มลดลง แต่อัตราการลดลงนั้นเริ่มที่จะชะลอตัว ซึ่งหากพิจารณาสถิติ
การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลส�าคัญนี้ เป็นแค่เพียงจ�านวนการเสียชีวิตแค่ ร้อยละ ๕
เท่านั้นของการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนทั้งปี ฉะนั้นหากต้องการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุและลดจ�านวน
ผู้เสียชีวิตลงให้ได้ ประเทศไทยต้องการการดำาเนินการในเรื่องนี้ตลอดทั้งปี มิใช่แค่ช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง
