Page 61 - แผนการดำเนินงาน สสส. ประจำปี 2561
P. 61
ทุกปี และจากสถิติการเสียชีวิตของผู้ใช้รถประเภทต่างๆ พบว่า ผู้ใช้รถจักรยานยนต์มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิต
มากกว่ารถประเภทอื่นถึง ๓.๔ เท่า (ข้อมูลจากมรณบัตรและหนังสือรับรองการตาย)
นอกจากนี้ยังพบว่ามีประเด็นการใช้รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ (big bike) ด้วย ข้อมูลจาก
กรมการขนส่งทางบกปี ๒๕๕๗ - ๒๕๕๘ ระบุว่า มีรถจักรยานยนต์ขนาดสูงกว่า ๑๕๐ ซีซี จดทะเบียนสะสม
รวมกว่า ๑๐๓,๑๙๑ คัน เฉพาะเดือนมกราคม ๒๕๖๐ ขณะที่ผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์
๓๗
ขนาดใหญ่รวมแล้วกว่า ๒,๓๗๔ ราย บาดเจ็บ ๕๑,๙๙๕ ราย และในขณะที่ระบบการคมนาคมในเขตเมือง
โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ จะมีการก่อสร้างทางข้าม ทางยกระดับ อุโมงค์ลอดทางแยก สะพานกลับรถ
เป็นจ�านวนมาก แต่กลับมิได้ค�านึงถึงผู้ใช้รถจักรยานยนต์ จึงไม่มีถนนที่มีอุโมงค์ หรือทางข้ามส�าหรับ
จักรยานยนต์เป็นการเฉพาะ เป็นผลให้ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ต้องใช้ทางร่วมกับพาหนะอื่นๆ นอกจากนี้
การเข้าถึงรถจักรยานยนต์ได้ง่ายก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำาให้ความนิยมใช้รถจักรยานยนต์สูงขึ้นเรื่อยๆ
หากแต่การผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยยังขาดการค�านึงถึงมาตรฐานด้านความปลอดภัย
รถจักรยานยนต์ที่ได้รับความนิยมในท้องตลาดจึงเป็นรถจักรยานยนต์ที่ท�าความเร็วได้สูง
ตรงกันข้ามกับรถจักรยานยนต์ในต่างประเทศ ทั้งในยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ที่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ
ชื่อรุ่นเดียวกัน แต่โครงสร้างกายภาพของรถแตกต่างกันอย่างชัดเจน เป็นต้นว่า ความกว้างของวงล้อ และ
ขนาดหน้ายาง ที่มีผลโดยตรงกับความเร็วและระยะเบรกที่ปลอดภัย
๔. สถิติการสวมหมวกนิรภัยในภาพรวมของประเทศยังอยู่ในอัตราคงที่ แม้ว่ารัฐบาลจะประกาศปี
รณรงค์การสวมหมวกนิรภัย ๑๐๐% มาตั้งแต่ปี ๒๕๕๔ จนถึงปี ๒๕๖๓ แต่ข้อมูลการส�ารวจจากมูลนิธิไทยโรดส์
๖ ปี ติดต่อกัน ชี้ให้เห็นว่าระหว่างปี ๒๕๕๓ - ๒๕๕๘ อัตราการสวมหมวกนิรภัยยังอยู่ในอัตราคงที่ อยู่ที่ร้อยละ
๔๔ ๔๖ ๔๓ ๔๓ ๔๒ และ ๔๓ ตามล�าดับ โดยมีผู้สวมหมวกนิรภัยที่เป็นผู้ขับขี่ร้อยละ ๕๑ ผู้โดยสารร้อยละ
๑๙ ในเขตเมืองมีสัดส่วนผู้สวมหมวกนิรภัยที่ค่อนข้างสูง (ร้อยละ ๗๒) แต่กลับมีสัดส่วนค่อนข้างต�่า
ในเขตชนบท (ร้อยละ ๒๙) ชี้ให้เห็นว่าต้องเน้นทำางานเพิ่มขึ้นในพื้นที่เขตชนบท และยังพบว่าการสวมหมวก
นิรภัยในกลุ่มวัยรุ่นที่ใช้รถจักรยานยนต์เริ่มมีแนวโน้มลดลง จากร้อยละ ๓๔ ในปี ๒๕๕๔ เหลือเพียงร้อยละ ๒๓
ในปี ๒๕๕๖ ในขณะเดียวกันการสวมหมวกนิรภัยในกลุ่มเด็กยังคงอยู่ที่ร้อยละ ๗ และจากการส�ารวจเฉพาะ แผนการดำาเนินงานประจำาปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
ในพื้นที่เขตนิคมอุตสาหกรรม เขตประกอบการอุตสาหกรรม ๕๓ แห่งทั่วประเทศ ในปี ๒๕๕๗ พบว่า ในเขต
นิคมอุตสาหกรรม มีผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่สวมหมวกนิรภัยอยู่ในอัตราค่อนข้างสูง ร้อยละ ๖๖ เฉพาะผู้ขับขี่
สวมหมวกนิรภัย ร้อยละ ๗๕ ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าผู้โดยสารอยู่ที่ ร้อยละ ๒๙ และผลจากการส�ารวจการสวม
หมวกนิรภัยของกลุ่มวัยรุ่นในสถาบันอุดมศึกษา ปี ๒๕๕๘ พบว่า ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสวมหมวกนิรภัย
อยู่ที่ ร้อยละ ๔๘ โดยผู้ขับขี่สวมหมวกร้อยละ ๕๙ ขณะที่ผู้โดยสารสวมหมวก ร้อยละ ๓๔ โดยเหตุผลส�าคัญ
ของการไม่สวมหมวกนิรภัย คือ เดินทางระยะใกล้ แต่หากผู้ใช้รถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง 59
แม้จะเดินทางระยะใกล้จะช่วยลดโอกาสการเสียชีวิตเนื่องจากการบาดเจ็บที่ศีรษะได้ถึงร้อยละ ๕๘ สะท้อน
๓๗ ข้อมูลจากบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จ�ากัด ปี ๒๕๕๗ - ๒๕๕๙ แบ่งเป็นจักรยานยนต์ขนาด ๑๕๐ - ๒๕๐ ซีซี เสียชีวิต ๑,๗๔๗ ราย
บาดเจ็บ ๓๙,๘๖๐ ราย จักรยานยนต์ขนาด ๒๕๐ ซีซีขึ้นไป เสียชีวิต ๖๒๗ ราย บาดเจ็บ ๑๒,๑๓๕ ราย