Page 155 - แผนการดำเนินงาน สสส. ประจำปี 2561
P. 155























แผนสร้างเสริมสุขภาวะในองค์กร










สถานการณ์และแนวโน้ม



องค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) ระบุว่า สถานการณ์ของประชากร
วัยท�างานทั่วโลก (ประชากรอายุระหว่าง ๑๕ - ๕๙ ปี) ก�าลังประสบปัญหาจากการท�างานที่ส่งผลท�าให้มีภาวะ
สุขภาพเสื่อมลงและความไม่ปลอดภัยในการท�างาน ประมาณ ๑,๙๐๐ ล้านคน


ส�าหรับข้อมูลของประเทศไทยผลการส�ารวจภาวะการท�างานของประชากร เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙
ของส�านักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าจ�านวนผู้มีอายุตั้งแต่ ๑๕ ปีขึ้นไป มีประมาณ ๕๖ ล้านคน โดยเป็น
ผู้ที่อยู่ในก�าลังแรงงานหรือผู้ที่พร้อมที่จะท�างานประมาณ ๓๘ ล้านคน ประกอบด้วยผู้มีงานท�า ๓๗ ล้านคน

ผู้ว่างงาน ๕ แสนคน และผู้ที่รอฤดูกาล ๕ แสนคน ทั้งนี้ผู้มีงานท�า ๓๗ ล้านคน ประกอบด้วยผู้ท�างาน
ในภาคเกษตรกรรม ๑๐ ล้านคน และนอกภาคเกษตรกรรม ๒๗ ล้านคน ซึ่งจะเห็นได้ว่าประชากรวัยท�างาน
(อายุ ๑๕ - ๕๙ ปี) เป็นประชากรกลุ่มใหญ่ของประเทศและเป็นกลุ่มที่ต้องท�าหน้าที่ดูแลวัยสูงอายุ เด็ก และ

ผู้พิการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยก�าลังอยู่ในภาวะที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ โดยมีผู้สูงอายุ แผนการดำาเนินงานประจำาปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
จ�านวน ๑๐ ล้านคน ในปี ๒๕๕๗ และประมาณการว่าในปี ๒๕๘๓ ประเทศไทยจะมีผู้ที่อายุ ๖๐ ปีขึ้นไป
สูงถึง ๒๑ ล้านคน หรือร้อยละ ๓๒ ของจ�านวนประชากรไทยทั้งหมด การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร

ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตนั้น จะก่อให้เกิดปรากฏการณ์ส�าคัญที่มีผลต่อสังคมไทยอย่างมาก นั่นคือการมี
ผู้สูงอายุมากกว่าเด็ก ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นจากจ�านวนเด็กที่ลดลงในขณะที่ผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อีกประมาณ ๑๕ ปีข้างหน้า จ�านวนเด็กจะพอๆ กับผู้สูงอายุ และหลังจากนั้นจะเกิดปรากฏการณ์มีผู้สูงอายุ
มากกว่าเด็ก 153

จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรดังกล่าว ประชากรวัยท�างานซึ่งถือเป็นวัยที่เป็นก�าลังหลัก

ส�าคัญในการพัฒนาประเทศและดูแลผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงจึงต้องรับภาระหนักมากยิ่งขึ้น แต่ในปัจจุบัน
กลับพบว่าประชากรวัยท�างานกลับเป็นวัยที่ก�าลังประสบปัญหาสุขภาพส�าคัญ หลายอย่าง ดังเช่นข้อมูล
จากการส�ารวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ ๕ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยมีมหาวิทยาลัยมหิดล

เป็นผู้ด�าเนินการพบว่า ประชากรวัยท�างาน ร้อยละ ๙ เป็นโรคเบาหวาน ร้อยละ ๒๕ เป็นความดันโลหิตสูง
ผู้หญิงร้อยละ ๕๕ และผู้ชายร้อยละ ๔๒ มีภาวะน�้าหนักเกินและอ้วน ผู้หญิงร้อยละ ๒๐ และผู้ชายร้อยละ ๑๙
มีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ ผู้หญิงร้อยละ ๒ และผู้ชายร้อยละ ๓๑ สูบบุหรี่ เป็นต้น โดยเพิ่มขึ้นจากการส�ารวจ
   150   151   152   153   154   155   156   157   158   159   160