กรมควบคุมโรคเดินหน้าเร่งพัฒนาระบบเฝ้าระวังแมงกะพรุนพิษ

 

 

กรมควบคุมโรคจับมือกรมทรัพยากรทางทะแลและชายฝั่ง เร่งบูรณาการองค์ความรู้ทางด้านการแพทย์และสาธาธารณสุขพัฒนาระบบเฝ้าระวังแมงกะพรุนพิษในพื้นที่เสียง 23 จังหวัดชายฝั่งทะเล หลังพบตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้ป้วยจจากการสัมผัสแมงกะพรุนมีพิษแนวโน้มเพิ่มขึ้น พร้อมเตือนประชาชน นักท้องเที่ยวหากสัมผัสถูกแมงกะพรุนพิษให้รักษาพยาบาลเบื้องต้นด้วยการราดน้ำส้มสายชูย้ำหากพบอาการหายใจลำบากมีอาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ใจสั่น หรืออาการผิดปกติอื่น ๆ ต้องรับส่งแพทย์ทันที

นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.)  กล่าวภายหลังร่วมลงนามความร่วมมือด้านองค์ความรู้เกี่ยวกับแมงกะพรุนพิษระหว่างกรมควบคุมโรคและกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ว่าจากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยาพบมีผู้เสียชีวิตที่น่าสงสัยว่าอาจเกิดจากแมงกะพรุนกล่อง ในช่วงปี 2542-2551 จำนวน 4 ราย และในช่วงปี 2546-2552 ประมาณ 381 ราย โดยเป็นผู้ป่วยในเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานี กระบี่ ภูเก็ต และสตูล  เป็นชาวไทย 182 ราย และเป็นชาวต่างชาติ 199 ราย คิดเป็นนักท่องเที่ยวร้อยละ 55 และชาวประมงร้อยละ 8 ซึ่งแมงกะพรุนพิษที่พบได้ทั่วไป ได้แก่แมงกะพรุนไฟ โดยพบว่าแมงกะพรุนพิษที่มีรายงานว่าทำให้เสียชีวิตได้บ่อยที่สุดอยู่ในกลุ่มแมงกะพรุนกล่อง ซึ่งมีอย่างน้อย 19 ชนิด แต่ไม่ได้เป็นอันตรายทุกชนิด บางชนิดทำให้เกิดอาการเจ็บหรือคันเพียงเล็กน้อย แต่มีบางชนิดที่มีอันตรายทำให้เสียชีวิตได้ในเวลาอันรวดเร็ว

การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้นอกจากจะก่อให้เกิดการพัฒนาด้านวิชาการระหว่างหน่วยงานแล้วยังช่วยพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับความหลากหลาย ในชนิด การแพร่กระจายฤดูกาลของแมงกะกรุนพิษในประเทศไทยรวมถึงองค์ความรู้ทางการแพทย์และสาธารณสุข เพื้อจัดทำแนวทางการวินิจฉัยและการรักษาที่ออกจากหน่วยงานที่เป็นแกนกลางของกระทรวงสาธารณสุข ให้สามารถแพร่ในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การดำเนินมาตรการป้องกันต่าง ๆ มีความชัดเจนและมีความเหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ สามารถใช้เป็นข้อมูลในการอบรมให้ความรู้ประชาชนและผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมในพื้นที่เสียงและใช้ในการกำหนดแนวทางในการป้องกันการบาดเจ็บจากการสัมผัสแมงกะพรุนพิษให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเกิดความตื่นตระตนกกับเรื่องดังกล่าวมากเกินไป โดยกรมควบคุมโรคจะทำหน้าที่ในการพัฒนาระบบเฝ้าระวังสอบสวนบาดเจ็บและเสียชีวิตจากแมงกะพรุนพิษในพื้นที่เป้าหมายที่เป็นพื้นที่เสียงใน 23 จังหวัด ชายฝั่งทะเล มุ่งเน้นให้ประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องทราบถึงระดับของปัญหา เพื่อป้องกันการบาดเจ็บและเสียชีวิตทั้งในประชาชนชาวไทยและต่างชาติ รวมทั้งลดผลกระทบด้านอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคน

นพ.ภาสกร อัครเสวี ผู้อำนวยการสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวว่าจากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยาพบจำนวนผู้ป่วยได้รับพิษแมงกระพรุนเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนเมษายนถึงกรกฏาคมของทุกปีฝั่งทะเลอันดามัน และพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคมถึงตุลาคมสำหรับฝั่งอ่าวไทยซึ่งเมือเปรียบเทียบจำนวนผู้ป่วยในแต่ละปีมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยบริเวณของร่างกายที่พบการบาดเจ็บจากแมงกระพรุนพิษ ได้แก่ ขา แขน เท้า และมือ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการปวดแสบร้อน คัน แน่นหน้าอก ปวดท้อง ปวดตามร่างกาย หายใจลำบาก ขาตามตัวอาการแสดงที่พบมาก ได้แก่ มีรอยแดง เป็นผื่น บวด เป็นแผลไฟลวก แผลนูนแดง หรือ ตุ่มน้ำพองใส ซึ่งบาดแผลที่เกิดจากแมงกะพรุนกล่องจะมีลักษณะลึกและเป็นเส้น ๆ แตกต่างจากแผลของแมงกะพรุนไฟซึ่งมีลักษณะเป็นผื้นและเป็นปื้น 

ทั้งนี้  การรักษาพยาบาลเบื้องต้นสำหรับผู้ที่สัมผัสแมงกะพรุนกล่องชนิดทีมีหนวดหลายเส้น หลังจากผู้นำผู้ป่วยขึ้นจากน้ำควรให้ผู้ป่วยอยู่นิ่ง ๆ และระวังป้องกันไม่ให้ผู้อื่นสัมผัสหรือถูกบริเวณที่ผู้ป่วยสัมผัสสายแมงกะพรุนเพื่อป้องกันได้รับพิษเพิ่มขึ้นเพราะการเคลื่อนไหวหรือสัมผัสบริเวณที่โดนสายแมงกะพรุนจะกระตุนพิษเพิ่มขึ้น ประเมินอาการเบื้องต้น หากพบผู้ป่วยหมดสติ ไม่หายใจหรือไม่มีชีพให้รีบทำการช่วยฟื้นคืนชีพตามหลัก cpr ทันที จากนั้นให้ราดน้ำส้มสายชูบ้าน (ความเข้มข้น 2-10 เปอร์เซ็นต์) ที่บริเวณสัมผัสถูกแมงกะพรุนนานอย่างน้อย 30 วินาทีน้ำส้มสายชูจะมีฤทธิ์ในการทำลายพิษจากถุงพิษยังไม่ออกฤทธิ์ หลังจากนั้นจึงคีบเอาหนวดแมงกะพรุนที่ติดตามตัวผู้ป่วยนอก สำหรับการบรรเทาอาการเจ็บปวดเบื้องต้นทำได้ โดยใช้น้ำแข็งประคบบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บหากมีอาการปวดมาก หรือผู้ป่วยมีอาการหายใจตื้นหายใจลำบาก หรืออาการผิดปกติอื่น ๆ ให้รีบนำส่งโรงพยาบาลทันที

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ

Shares:
QR Code :
QR Code