โพล”วาเลนไทน์”โจ๋ลดเซ็กซ์

เหตุศก.-การเมืองวุ่นไร้อารมณ์

 

โพล”วาเลนไทน์”โจ๋ลดเซ็กซ์ 

 

          สวนดุสิตโพล เผยผลสำรวจขาโจ๋ พบอยากมีเพศสัมพันธ์ในวัน ” วาเลนไทน์ ” ลดลง เหตุการเมืองวุ่นวาย-เศรษฐกิจซบเซา ทำให้หมดอารมณ์ และต้องการมอบดอกไม้ให้ “มาร์ค-แม้ว-ชวน ” พบเด็กไทยดูหนังโป๊-มีเซ็กซ์ครั้งแรกตั้งแต่อายุ 10 ปี สธ.รณรงค์ให้วัยรุ่นเปลี่ยนค่านิยม หันมารักตัวเอง-พ่อแม่และครอบครัวมากขึ้น

 

          เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์ ประธานดำเนินงานสวนดุสิตโพล มหาวิทยา ลัยราชภัฏสวนดุสิต แถลงข่าว “รักบริสุทธิ์และปลอดภัย… ออกแบบได้ ด้วยตัวคุณเอง (white valentine…design your love)” เนื่องในวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ว่า สวนดุสิตโพลได้สำรวจความคิดเห็นเยาวชนไทย อายุ 15-24 ปี ในเขตกรุงเทพฯและ   ปริมณฑล ระหว่างวันที่ 17-31 มกราคมที่ผ่านมา เกี่ยวกับกิจกรรมรณรงค์ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์ เนื่องในวันวาเลนไทน์ กลุ่มตัวอย่าง 1,008 คน เป็นชาย 422 คน หญิง 579 คน และเพศที่สาม 7 คน พบว่า สิ่งที่ต้องการทำมากที่สุด ร้อยละ 26 บอกว่าซื้อของให้คนรัก ร้อยละ 13 ซื้อดอกกุหลาบ ร้อยละ 10 กินอาหารด้วยกัน และร้อยละ 5 ต้องการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งลดลงกว่าปีที่ผ่านมา ที่วัยรุ่นต้องการมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์ มากถึงร้อยละ 12 ทั้งนี้เพราะปัจจัยความวุ่นวายทางการเมืองและภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทำให้อารมณ์ความรู้สึกรักใคร่และโรแมนติคลดลง

 

          รศ.ดร.สุขุมกล่าวว่า สำหรับคนที่อยากให้ดอกไม้มากที่สุด คือ คนรัก/แฟน ร้อยละ 46 พ่อแม่ ร้อยละ 26 เพื่อน ร้อยละ 14 ดารา ร้อยละ 4 และนักการเมืองร้อยละ 2.82 ในส่วนของนักการเมือง บุคคลที่วัยรุ่นต้องการมอบดอกไม้ให้มากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 2.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 3.นายชวน หลีกภัย 4.ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และ 5.นายบารัค โอบามา โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์พบว่ามีอันดับที่สูงขึ้นจากเดิมอยู่ลำดับที่ 2 เป็นผลมาจากบุคลิกภาพส่วนตัว รูปร่างหน้าตา และภาวะความเป็นผู้นำ รศ.ดร.สุขุมกล่าวว่า เมื่อถามถึงเว็บไซต์ลามก ร้อยละ 34 ตอบว่าเคยดู ส่วนใหญ่ดูครั้งแรกเมื่ออายุ 10-19 ปี และมีร้อยละ 3 ที่เคยดูช่วงอายุต่ำกว่า 10 ปี โดยร้อยละ 48 บอกว่ารู้สึกตื่นเต้น เกิดอารมณ์/ความต้องการทางเพศขณะดู และร้อยละ 31 บอกว่าสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองหรือมีเพศสัมพันธ์ระหว่างดู ร้อยละ 5 รังเกียจ ร้อยละ 4 อาย และร้อยละ 2 รู้สึกตลก โดยกลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 38 ตอบว่าเคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว ร้อยละ 37 ในรอบปีที่ผ่านมา ร้อยละ 31 เคยติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเมื่อสงสัยว่าอาจมีการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ร้อยละ 62 จะไปโรงพยาบาล ศูนย์บริการสาธารณสุข หรือคลีนิค และมีร้อยละ 6 ที่ตอบว่าซื้อยากินเอง ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาเชื้อดื้อยาตามมาได้

 

          “นอกจากนี้ พบว่ากลุ่มตัวอย่างมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกมาก ร้อยละ 37 อายุ 15-16 ปี ร้อยละ 3.19 อายุ 11-12 ปี มีร้อยละ 1.86 อายุ 10 ปี โดยบุคคลที่มีเพศสัมพันธ์ด้วยร้อยละ 85 เป็นคนรัก/แฟน ร้อยละ 6 เพื่อน ร้อยละ 4 แฟนเก่า และร้อยละ 1 หญิงขายบริการ โดยมีการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งกับคู่นอนที่ไม่ประจำ ร้อยละ 53 ” รศ.ดร.สุขุมกล่าว

 

          นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สธ.ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ช่วยรณรงค์ให้เยาวชนไทยตระหนักถึงอันตรายใกล้ตัว และส่งเสริมค่านิยมเกี่ยวกับความรักที่เหมาะสม รักตัวเอง พ่อแม่ ครอบครัวให้มากๆ และรู้จักป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยจากโรคเอดส์ เนื่องจากวัยรุ่นเป็นวัยที่อยากเรียนรู้ ชอบค้นหาและเปิดรับสิ่งใหม่ๆ มักจะให้ความสำคัญและทุ่มเทสรรหาสิ่งที่คิดว่าเป็นตัวแทนแสดงถึงความรักให้กับคนรักเป็นพิเศษ

 

          “สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากคือ การแสดงออกถึงความรักด้วยการมีเพศสัมพันธ์ เพราะเป็นพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เกิดปัญหาตามมา ทั้งการตั้งครรภ์โดยยังไม่พร้อม และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และโรคเอดส์ ซึ่งขณะนี้มีข้อมูลชี้ชัดให้เห็นว่าสถานการณ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ควรสวมถุงยางป้องกันทุกครั้ง” นายวิทยากล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม รู้สึกดีใจที่ผลสำรวจระบุว่า กิจกรรมที่วัยรุ่นอยากทำให้วันวาเลนไทน์มากที่สุดคือ การซื้อของขวัญ หรือให้ดอกไม้กับคนรัก เพราะมนุษย์โลกต้องอยู่ร่วมกันด้วยความรัก โลกจะสงบสุขขึ้น

 

          ด้าน นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัด สธ.กล่าวว่า จากข้อมูลสำนักโรคเอดส์ วัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรคพบว่า โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ป่วยมากที่สุดคือ โรคหนองใน รองลงมาคือ หนองในเทียม ซิฟิลิส กามโรคของต่อมและท่อน้ำเหลือง และแผลริมอ่อน โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่อายุ 20-24 ปี ทั้งนี้ โรคหนองในเป็นตัวบ่งชี้การแพร่ระบาดของโรคติดต่อทางเพสสัมพันธ์ ที่นำไปสู่การระบาดของโรคเอดส์ ซึ่งมีรายงานว่า กลุ่มนักเรียน นักศึกษามีแนวโน้มป่วยด้วยโรคหนองในเพิ่มขึ้น โดยในปี 2545 มีผู้ป่วย 3.03 ต่อแสนประชากร เพิ่มเป็น 4.61 ต่อแสนประชากร ในปี 2549 สอดคล้องกับข้อมูลร้านขายยา ย่านพัฒนพงษ์ และสุขุมวิท ปี 2548 ที่มีผู้มาซื้อยารักษาโรคหนองใน ร้อยละ 27 ของผู้มาซื้อยารักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทั้งหมด

 

          นพ.ปราชญ์กล่าวว่า ส่วนสถานการณ์โรคเอดส์ของไทย ล่าสุด เมื่อวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา มีรายงานผู้ป่วยสะสมทั้งหมด 345,196 ราย เสียชีวิตแล้ว 93,034 ราย สาเหตุเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์มากที่สุด ร้อยละ 84 รองลงมาคือ การใช้ยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้น ร้อยละ 4.6 ติดเชื้อจากมารดา ร้อยละ 3.8 และจากการรับเลือด ร้อยละ 0.02 แนวโน้มของผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ลดลงกว่าในอดีต เนื่องจากการเข้าถึงยาต้านไวรัส ทำให้ผู้ป่วยมีอายุยืนยาว และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2552 ไทยจะมีผู้ติดเชื้อเอดส์สะสมรวมถึงผู้ป่วยสะสมประมาณ 1,127,168 ราย เสียชีวิต 613,510 ราย โดยเป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 11,753 ราย

 

          ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ได้จัดกิจกรรมรณรงค์ “รักบริสุทธิ์และปลอดภัย…ออกแบบ ได้ ด้วยตัวคุณเอง” ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ เวลา 10.00-19.00 น. ที่อาคารสายสุทธานภดล มหาวิทยาลัยราชภัฏ สวนสุนันทา มีกิจกรรมหลากหลาย ทั้งการแสดงดนตรี การประกวดออกแบบโปสเตอร์ ประดิษฐ์สิ่งของจากถุงยาง เป็นต้น ผู้สนใจสามารถร่วมงานฟรี

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

 

 

update:06-02-52

Shares:
QR Code :
QR Code