เลือกตั้งชี้อนาคตประเทศไทย
“ประชาธิปไตย” แปลว่า “ประชาชนเป็นใหญ่” คือการที่ประชาชนมีอำนาจอธิปไตยหรือมีอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ ใกล้เข้ามาทุกขณะที่เรียกว่าเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้ง อีกหนึ่งหน้าที่ที่คนไทยจะต้องไม่ลืมออกไปใช้สิทธิใช้เสียงตามกฎหมาย
แม้ว่าสภาพการณ์การเมืองในบ้านเราในช่วงที่ผ่านมา จะมีความแตกแยก แบ่งความคิดเป็นฝ่ายกันอยู่บ้าง แต่เมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญที่คนไทยทุกคนจะได้ใช้สิทธิหน้าที่ที่ตัวเองมีอยู่ ย่อมถือเป็นหน้าที่หลักเลยทีเดียวค่ะ 3 กรกฎาคม 2554 เป็นวันชี้อนาคตการเมืองประเทศไทย วันที่คนไทยทั้งประเทศจะเดินหน้าเข้าคูหากาเบอร์ที่ถูกใจ
สิ่งสำคัญหลักคือการเลือก “คนดี มีความสามารถ ซื่อสัตย์ สุจริต เห็นประโยชน์ส่วนรวมของประชาชน” ให้เข้าไปบริหารบ้านเมืองเพื่อประโยชน์สุข
แล้วใครคือผู้มีสิทธิเลือกตั้ง?
แน่นอนว่าต้องเป็น ผู้มีสัญชาติไทย (ถ้าแปลงสัญชาติต้องได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี
– มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 1 มกราคม ของปีที่มีการเลือกตั้ง
– มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วัน นับถึงวันเลือกตั้ง
– ไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังนี้
o เป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช
o อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
o ต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาลหรือโดยคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
o วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
นอกจากนี้ อย่าลืม ต้องระมัดระวังไม่ให้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เช่น ความผิดเกี่ยวกับการลงคะแนนเลือกตั้ง ครอบคลุมถึงการรู้ว่าตนเองไม่สิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง แต่ยังไปลงคะแนนและใช้เอกสารแสดงตนเป็นเท็จ มีโทษจำคุก 1-10 ปี และปรับ 20,000 – 200,000 บาท และถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี, กรณีที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เรียก รับ หรือยอมจะรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด เพื่อลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้สมัคร หรือพรรคการเมืองใดก็มีโทษจำคุก และอย่าลืมสำคัญมากค่ะ บางคนอาจคิดว่าขอถ่ายรูปอัพเฟซบุ๊กสักนิดหนึ่ง โดยเฉพาะเยาวชนหน้าใหม่ที่พึ่งใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นครั้งแรก การถ่ายภาพบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนแล้ว หรือการแสดงบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนเลือกตั้งแล้วให้ผู้อื่นทราบถึงการลงคะแนนเลือกตั้ง ก็เป็นความผิดเช่นกัน โดยมีโทษจำคุก ไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับสำหรับผู้บังคับบัญชา หรือนายจ้าง หากขัดขวางการไปใช้สิทธิเลือกตั้งของผู้ใต้บังคับบัญชา หรือลูกจ้าง เป็นความผิด มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ที่แน่นอน ในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง ปฏิเสธไม่ได้ว่า จะพบเห็นการทุจริตแอบแฝงมาในรูปแบบต่างๆ ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ได้แจ้งประชาชนว่า การมีส่วนร่วมของประชาชนในการแจ้งเหตุทุจริต เมื่อพบเห็นการทุจริตเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นการแจกเงินสิ่งของ หรือการเรียกรับเงิน หรือทรัพย์สิน ให้ช่วยกันแจ้งเบาะแสหรือรวบรวมหลักฐานการทุจริตแจ้งต่อตำรวจ ในพื้นที่หรือแจ้งให้ กกต. ได้รับทราบในหลายช่องทาง เช่น
• สายด่วนเลือกตั้ง โทร. 1171
• ศูนย์ปฏิบัติการข่าว ฯ ในความรับผิดชอบศูนย์อำนวยการสืบสวนสอบสวน การเลือกตั้ง ส.ส. (ศอส.) โทร. 0-2141-8049-51
• สำนักงานคณะกรรมการการการเลือกตั้ง อาคารศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ โทร.0-2141-8888
• หรือที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทุกจังหวัด
หากในวันเลือกตั้งผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่สามารถใช้สิทธิเลือกตั้งได้ วิธีการแจ้งเหตุ ระหว่างก่อนวันเลือกตั้ง 7 วัน จนถึงหลังวันเลือกตั้ง 7 วัน โดยกรอกแบบฟอร์มหนังสือแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ ยื่นต่อนายทะเบียนอำเภอและนายทะเบียนท้องถิ่นที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ได้ 3 วิธีการ คือ 1.ยื่นด้วยตนเอง 2.มอบหมายบุคคลอื่นไปยื่นแทน และ 3.ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน
เพราะถ้าไม่ไปเลือกตั้ง ไม่แจ้งเหตุ จะเสียสิทธิ 3 ประการ
– เสียสิทธิการยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว.
– เสียสิทธิการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส., ส.ว., สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น และสิทธิได้รับการเสนอชื่อเข้ารับการสรรหาเป็น ส.ว.
– เสียสิทธิการสมัครรับเลือกเป็นกำนัน และผู้ใหญ่บ้าน สิทธิทั้ง 3 ประการ จะได้กลับคืนมาเมื่อไปใช้สิทธิการเลือกตั้งอย่างใดอย่างหนึ่ง ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งระดับชาติหรือท้องถิ่น
อย่าลืมนะคะ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร แต่ถ้าคุณเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขตที่หน่วยเลือกตั้ง ที่ท่านมีชื่ออยู่ ตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น.
เรื่องโดย : สุนันทา สุขสุมิตร Team content www.thaihealth.or.th
ขอบคุณภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต