เนสท์เล่เพิ่มปริมาณสินค้าทางเลือกเพื่อสุขภาพขึ้น 50%

ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์


ภาพประกอบจากเว็บไซต์ MGR Online


เนสท์เล่เพิ่มปริมาณสินค้าทางเลือกเพื่อสุขภาพขึ้น 50%  thaihealth


เนสท์เล่เน้นขยายอาหารเครื่องดื่ม กลุ่มน้ำตาลต่ำ ตั้งเป้าสัดส่วนจาก 30% เพิ่มเป็นครึ่งหนึ่งของพอร์ตบริษัท มุ่งวางอาหาร-เครื่องดื่มหวานต่ำ เล็งเพิ่มสัดส่วน 50%


นายวิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า เปิดเผยว่า แผนปีนี้บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำตาลต่ำ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีผลิตภัณฑ์สูตรน้ำตาลต่ำจำนวนราว 48 ผลิตภัณฑ์ และคาดว่าจะเปิดตัวเพิ่มขึ้นอีกราว 2-3 ผลิตภัณฑ์ภายในปีนี้


ทั้งนี้ บริษัทมีแผนเพิ่มปริมาณสินค้าทางเลือกเพื่อสุขภาพขึ้นเป็น 50% ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของบริษัทในอนาคต จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 30%


"เรามุ่งมั่นวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์และสินค้าทางเลือกสุขภาพ เพื่อส่งเสริมการบริโภคผลิตภัณฑ์คุณภาพดีต่อประชากรทั่วโลก โดยใช้งบประมาณในการวิจัยทั่วโลกอยู่ที่ราว 2-3% เช่นเดียวกับประเทศไทย" นายเซียห์ กล่าว


ขณะที่ภาพรวมตลาดอาหารและเครื่องดื่มในประเทศไทยปี 2561 มีมูลค่าอยู่ที่ 1.04 แสนล้านบาท เติบโตขึ้น 1.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยบริษัทมองว่าในปีนี้ทิศทางตลาดมีแนวโน้มดีขึ้นกว่าปีก่อน โดยปัจจุบันบริษัทมีผลิตภัณฑ์อยู่ในตลาดดังกล่าวจำนวน 14 กลุ่มผลิตภัณฑ์ หรือคิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดราว 30% เป็นอันดับ 1 ของตลาด


สำหรับเป้าหมายการเติบโตทั่วโลกของเนสท์เล่ คาดว่าจะมีการเติบโตอยู่ที่ 3.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยประเทศไทยคาดว่าจะมีการเติบโตเช่นกัน เพื่อผลักดันเป้าหมายทั่วโลกให้เติบโตตามการคาดการณ์


นอกจากนี้ ล่าสุดบริษัทได้ใช้งบการตลาดราว 85 ล้านบาท ในการทำแคมเปญให้ความรู้ด้านโภชนาการเพื่อสุขภาพที่ดีภายใต้ชื่อ "ชีวิตดีๆ เริ่มง่ายๆ คนไทยต้อง 3 อ. อาหาร-ออกกำลังกาย-อารมณ์" ซึ่งถือเป็นแคมเปญใหญ่ประจำปี 2562


น.ส.สมฤดี บุญให้เจริญ ผู้อำนวยการด้านการสื่อสารและบริการทางการตลาด บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) กล่าวว่า จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างผู้บริโภคชาวไทยเกี่ยวกับสุขภาพและคุณภาพชีวิตของ บริษัท นีลเส็น ประเทศไทย ได้ระบุว่า ผู้บริโภคจากกลุ่มตัวอย่างในสัดส่วน 92% มีความคิดว่า ตนเองมีสุขภาพดี เนื่องจากไม่เจ็บป่วย ซึ่งความจริงของผู้บริโภคในประเทศไทยนั้น 53% มีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐาน รวมถึงมีความเชื่อว่าการมีสุขภาพที่ดีนั้นต้องใช้เงิน นอกจากนั้นยังเห็นว่าตนเองมีชีวิตประจำวันที่เร่งรีบและไม่มีเวลาในการออกกำลังกาย ซึ่งขาดวินัยในตัวเอง


ดังนั้น บริษัทจึงจัดแคมเปญเพื่อสื่อสารทางการตลาดในหลากหลายรูปแบบทั้ง โทรทัศน์ โซเชียลมีเดีย และการจัดคาราวานลงในพื้นที่ต่างๆ เป็นต้น โดยคาดหวังว่าจะส่งเสริมให้ผู้บริโภคชาวไทยเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อนำไปสู่การมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงอย่างแท้จริง เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ที่ริเริ่มแนวคิดส่งเสริมสุขภาพ โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

Shares:
QR Code :
QR Code