สสส. หนุน 4 เครือข่ายเข้าโครงการ iSmile

ยกทัพ น้อยหน่อย โนโน่ ดีดี้ ยิ้มแย้ม  รณรงค์ลดกินหวาน

 

          ด้านนักเรียนทันตแพทย์ และอาสาสมัครชุมชน ร่วมโครงการ ismile เน้นต่อต้านการกินหวานและรณรงค์เลิกบุหรี่ พร้อมให้ความรู้เรื่องสุขภาพต่อประชาชนทุกพื้นที่

 

          (12 ธ.ค.) ลานอเนกประสงค์ 2 สยามดิสคัฟเวอรี่ : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดตัวโครงการ ismile society ผนึกกำลัง 4 เครือข่าย หวังลงพื้นที่ชุมชนสร้างเสริมสุขภาวะในช่องปาก และลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน

 

 

          ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ รองผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า โครงการ ismile society เป็นการเชื่อมโยงการทำงานของเครือข่าย 4 เครือข่าย เริ่มที่แผนงานเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน โครงการกลยุทธ์วิชาชีพทันตแพทย์ในการควบคุมการบริโภคยาสูบ เครือข่ายทันตบุคลากรไทยเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ และเครือข่ายโรงเรียนทันตแพทย์สร้างสุข มุ่งลงพื้นที่ทำงานเพื่อสร้างสุขภาวะทางช่องปาก เน้นเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกัน สร้างเสริมสุขภาพได้ครอบคลุมรอบด้านและทั่วถึง หวังให้ประชาชนสามารถดูแลสุขภาพได้อย่างถูกสุขลักษณะ พร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูลในการศึกษาซึ่งกันและกันให้กว้างขึ้น

         

          “การทำงานในครั้งนี้ เครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน จะเป็นเครือข่ายที่เน้นการรณรงค์ให้เด็กๆลดการกินหวานให้พอดีกับความต้องการของร่างกาย โดยใช้มาสคอตเป็น มดสีชมพู ชื่อ น้อยหน่อย ส่วนโครงการกลยุทธ์วิชาชีพทันตแพทย์ในการควบคุมการบริโภคยาสูบ เน้นรณรงค์ให้คนไทยเลิกสูบบุหรี่ ลดโรคในช่องปาก พร้อมทั้งรณรงค์ป้องกันไม่ให้เกิดนักสูบหน้าใหม่ขึ้นมา ซึ่งมาสคอตประจำโครงการเป็น กระต่าย ชื่อ โนโน่ ด้านเครือข่ายโรงเรียนทันตแพทย์สร้างสุข ได้นำทัพหมอฟัน มาช่วยดูแลสุขภาพฟันและร่างกายให้ประชาชน มีมาสคอตเป็น แมงมุม ชื่อ ดีดี้ สุดท้ายเครือข่ายทันตบุคลากรไทยเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ ต้องการให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนช่วยดูแลสุขภาพของประชาชน โดยมีเจ้า เมล็ดพืช ชื่อ ยิ้มแย้ม เป็นสัญลักษณ์” ทพ.กฤษดา กล่าว

 

          ด้าน ทญ.ปิยะดา ประเสริฐสม รองผู้จัดการแผนงานเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการสำรวจพบว่า เด็กชอบกินนมหวานในปริมาณกว่า 20 ช้อนชา ทำให้เกิดปัญหาฟันผุ และโรคอ้วน ทางโครงการจึงจัดทำเมนูอาหารอ่อนหวานเพื่อลดปริมาณการบริโภคน้ำตาลของเด็กไทยให้พอดีกับความต้องการของร่างกาย ให้เหลือเพียงวันละ 6 ช้อนชา และที่สำคัญจะมีการขอความร่วมมือไปยังโรงเรียนให้งดขายน้ำอัดลมและขนมที่มีน้ำตาลผสมในปริมาณมากเกินความจำเป็นลงด้วย จึงจะได้ผล

 

            “การร่วมมือกันในครั้งนี้นอกจากจะสามารถดูแลสุขภาพปากและฟันของเด็กๆได้แล้ว ทางเครือข่ายต่างๆที่ร่วมโครงการยังมีการเสริมความรู้ในเรื่องสุขภาพต่างๆและตรวจสุขภาพแก่ผู้เข้าร่วมด้วย” ทญ.ปิยะดา กล่าว

         

           ทพ.ญ.เรวดี ต่อประดิษฐ  ผู้แทนชมรมทันตบุคลากรเพื่อการไม่สูบบุหรี่ เครือข่ายโครงการกลยุทธ์วิชาชีพทันตแพทย์ในการควบคุมการบริโภคยาสูบ กล่าวว่า จากการสำรวจของมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่พบว่า ในปี พ.ศ.2549 พบว่ามีเยาวชนที่มีอายุระหว่าง 15 ถึง 18 ปี สูบบุหรี่กว่าสามแสนคน เฉลี่ยสูบบุหรี่วันละ 6 มวนต่อคน หรือเท่ากับ 9 หมื่นกว่าซองต่อวัน หรือประมาณ 34 ล้านซองต่อปี ซึ่งถือเป็นจำนวนตัวเลขที่น่ากลัวมาก การร่วมมือกันรณรงค์ในครั้งนี้จึงจัดให้มีการรณรงค์และให้ความรู้เรื่องการเลิกสูบบุหรี่ และมีการแนะนำนักสูบหน้าใหม่ให้รู้จักปฏิเสธไม่รับบุหรี่ เพื่อลดปัญหาการเกิดโรคในช่องปากที่ตามมา

 

          ผศ. จรินทร์ ปภังกรกิจ ผู้จัดการแผนงานโรงเรียนทันตแพทย์สร้างสุข  กล่าวว่า สำหรับโครงการในครั้งนี้ทางแผนงานจะนำนักเรียนทันตแพทย์เข้ามาร่วมโครงการด้วย นอกจากจะเป็นการเป็นการฝึกประสบการณ์การทำงานให้กับว่าที่คุณหมอแล้วยังเป็นการปรับมุมมอง เพิ่มความใส่ใจสุขภาพ โดยเน้นการเข้าใจผู้ป่วยให้มากกว่าการเข้าใจโรคไปด้วยในตัว

 

            “นอกจากวิชาชีพที่นักเรียนทันตแพทย์เหล่านี้จะได้รับแล้ว ประชาชนที่เข้าร่วมยังจะได้รับการตรวจสุขภาพช่องปาก ฟรีไปด้วยในตัว และนี่จะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างรอยยิ้มให้กับสังคมได้อย่างภาคภูมิใจ” ผศ. จรินทร์ กล่าว

 

            ผศ.ดร.ทรงวุฒิ ตวงรัตนพันธ์ คณะทันตแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตัวแทนเครือข่ายทันตบุคลากรไทยเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ กล่าวว่า โครงการนี้นอกจากจะเป็นการลงพื้นที่ของทั้ง 4 เครือข่ายเพื่อดูแลสุขภาพอย่างทั่วถึงแล้ว ทางด้านแผนงานเองยังจะสนับสนุนให้ทันตแพทย์ที่สนใจเข้าร่วมทำงานในรูปแบบที่หลากหลายตามบริบทของแต่ละชุมชนพื้นที่ เพื่อเป็นการสร้างเครือข่ายให้เข้มแข็งต่อไป

 

          “ส่วนการสนับสนุนให้มีตัวแทนอาสาสมัครแพทย์ในชุมชนนั้นขึ้น นอกจากจะสามารถเข้าถึงประชาชนในชุมชนได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังจะเป็นการฝึกให้สามารถช่วยเหลือกันต่อไปอย่างยั่งยืนได้อีกทาง” ผศ.ดร.ทรงวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย

 

 

                           

 

 

 

เรื่องโดย : รัศมี ศรคำ   team content    www.thaihealth.or.th

 

 

 

update 21-01-52