คุยกับผู้จัดการ สสส. (เดือนพฤษภาคม 2567)
สวัสดีครับเพื่อนร่วมสร้างสุขทุกคน
นับเป็นชัยชนะในสงครามปกป้องสุขภาพคนไทยจากภัยนิโคตินในยาสูบ ผ่านการทำงานอย่างหนักในห้วงเวลาที่ผ่านมา จนทำให้อัตราการสูบบุหรี่ของคนไทยลดลงเหลือ 17.4% ในปี 2564 จากที่ปี 2534 คนไทยสูบบุหรี่อยู่ที่ 32%
แต่ขณะนี้สงครามครั้งนี้กำลังถูกท้าทาย จากการสร้างศัตรูตัวใหม่อย่าง “บุหรี่ไฟฟ้า” ด้วยการใช้เล่ห์สร้างการรับรู้ที่บิดเบือน เช่น ทำให้ควันกลายเป็นไอ ลดกลิ่นเหม็นแทนที่ด้วยน้ำยาสรรค์สร้างกลิ่นหอมมาล่อหลอก และเด็กกลายเป็นเหยื่อ
บุหรี่มวนแบบเก่า เมื่อนิโคตินต่ำลง ผู้สูบยังต้อง หลบไปสูบเป็นช่วง ๆ แต่บุหรี่ไฟฟ้านั้น จากการสัมภาษณ์เด็กนักเรียนที่ติดบุหรี่ไฟฟ้า เด็กสามารถแอบครูสูบบุหรี่ไฟฟ้าใต้โต๊ะโดยที่ครูไม่เห็นได้ทุก 15 นาที ระดับนิโคตินจะคงที่ในสมองตลอดจนเสพติดได้ง่าย
มีการสำรวจในปี 2564 ที่พบว่าเด็กและเยาวชนผู้หญิงไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้าถึง 15% และพบว่าผู้ที่เสพติดนิโคติน 70% จะไม่สามารถเลิกเสพได้ตลอดชีวิต นั่นหมายถึงในอนาคตผู้หญิงไทยจะมีอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้ามากกว่า 10% ซึ่งต่างจากขณะนี้ที่อัตราการสูบบุหรี่มวนของผู้หญิงไทยเพียงแค่ 1.3% ค่านิยมของสตรีไทยที่ไม่ค่อยมีใครสูบบุหรี่อาจจะกลายเป็นค่านิยมที่เปลี่ยนไปได้
วิทยาศาสตร์ควรจะเป็นสิ่งที่พัฒนาเพื่อให้สังคมดีขึ้น สุขภาพดีขึ้น แต่เมื่อวิทยาศาสตร์บวกกับทุนนิยมที่กอบโกย หากำไรอย่างไม่มีขีดจำกัด และมโนธรรมบุหรี่ไฟฟ้าจึงเกิดขึ้น จากบุหรี่มวนได้วิวัฒนาการกลายเป็นบุหรี่ไฟฟ้า ที่เป็นไอระเหยของนิโคตินสังเคราะห์ ที่ราคาถูกมาก และอันตรายต่อสุขภาพมากเช่นกัน
บุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้ง สูบได้ 3,000 ครั้ง ราคาเพียง 200-300 บาท สามารถสั่งซื้อผ่านออนไลน์ได้อย่างง่ายดายทั้งที่เป็นของผิดกฎหมาย ทำให้ ถ้าเทียบว่า “บุหรี่มวนเป็นพยัคฆ์ บุหรี่ไฟฟ้าก็กลายเป็นพยัคฆ์ติดปีกที่ล่องหน ล่าและเลือกเหยื่อที่เป็นเด็กเยาวชนที่ไร้เดียงสา”
เรื่องที่น่ากลัวคือความโหดร้ายของทุนนิยมล่าเหยื่อ ที่จงใจทำบุหรี่ไฟฟ้าให้เหมือนของเล่นเด็กเล็ก เพื่อจงใจหลบหลีกผู้ปกครอง และทำให้เด็กรู้สึกวางใจว่าไม่อันตราย จนมีรายงานจากจิตแพทย์ว่า พบพ่อแม่ของเด็กประถมศึกษาปีที่ 1 อายุแค่ 7 ขวบ มาขอปรึกษาเรื่องการเสพติดบุหรี่ไฟฟ้า และจากงานวิจัยพบว่า 73% ของเด็กที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าได้รับการชักชวนจากคนในครอบครัว ญาติสนิท เพื่อน และคนในชุมชน ที่เด็กไว้วางใจ
ยืนยันชัดเจน จากการทดลองในหนู พบว่า นิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสารก่อมะเร็งปอดในหนู โดยหนูที่ได้รับไอบุหรี่ไฟฟ้านาน 1 ปี จะเป็นมะเร็งปอดถึง 22.5% ถ้าเด็กไทยได้รับบุหรี่ไฟฟ้าตั้งแต่เด็ก โอกาสที่อนาคตจะกลายเป็นมะเร็งปอดในวัยหนุ่มและวัยกลางคนก็จะมีมากขึ้นด้วย อีกทั้งโรคปอดอักเสบจากบุหรี่ไฟฟ้า (EVALI) ปอดข้าวโพดคั่ว ปอดแตก ถ้าสังคมไทยยังนิ่งนอนใจ ไม่ทำอะไรอนาคตของสุขภาพคนไทย คงจะเป็นที่น่ากังวลอย่างยิ่ง
ในโอกาสที่วันที่ 31 พฤษภาคม เป็นวันงดสูบบุหรี่โลกเดือนพฤษภาคมนี้จึงเป็นเดือนแห่งการรณรงค์งดสูบบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้า สำหรับการดำเนินการของภาครัฐเอง โดยการสั่งการของท่านนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ให้มีการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง ทำให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้เข้าตรวจสอบจับกุมร้านค้าต่าง ๆ
แต่อย่างไรก็ดี บุหรี่ไฟฟ้าก็ยังลักลอบ หลบหลีกจนกระจายไปถึงเยาวชนได้ ผมจึงอยากจะเชิญชวนให้ทุกภาคส่วน เข้ามาร่วมกันปกป้องเยาวชนไทยจากบุหรี่ไฟฟ้า สสส. ได้ดำเนินการโครงการ Healthy Hero เดิน-วิ่งเพื่อสุขภาพ รู้เท่าทันบุหรี่ไฟฟ้าและป้องกันโรค NCDs ทุกภูมิภาค มีเยาวชนเข้าร่วมกว่า 3,000 คน ซึ่งเหลืออีก 1 สนามที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 26 พฤษภาคม 2567 ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
รวมถึงการจัดประกวดคลิปสั้น HEALTHY HERO เพื่อแสดงพลัง “คนไทย สังคมไทย ไม่เอา บุหรี่ไฟฟ้า ทุกคนเป็นฮีโร่ได้” ติดตามรายละเอียดที่เพจ “Healthy Hero ห่างไกลโรค NCDs และบุหรี่ไฟฟ้า”
ถึงเวลาที่พวกเรา ภาคี สสส. รวมถึงทุกคนต้องออกมาร่วมเป็นฮีโร่ สื่อสาร บอกต่อ ทำคลิป พิมพ์ข้อความส่งต่อข้อความ ที่เกี่ยวกับพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า ไปยังคนรู้จัก ญาติมิตรที่มีลูกหลานที่ยังเป็นเด็กเยาวชน ให้รับรู้ให้ความรู้ต่อลูกหลานของเขาตั้งแต่ยังเล็ก ชั้นอนุบาลจนถึงมหาวิทยาลัย
เมื่อโลกวิวัฒนาการไปถึงจุดที่วิทยาศาสตร์ผนวกกับทุนนิยมที่ล่าเหยื่อเด็กเล็กแบบไร้มโนธรรม และการบังคับใช้กฎหมายก็ยังปกป้องเยาวชนของเราไม่ได้ดีพอ ผมคิดว่าเป็นเวลาที่ทุกคนต้องร่วมเป็นนักสู้ ยกดาบ และโล่เพื่อออกมาปกป้องลูกหลานของเราแล้วครับ