คุยกับผู้จัดการ สสส. (เดือนธันวาคม 2566)
สวัสดีครับเพื่อนร่วมสร้างสุขทุกคน
เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2566 เดือนธันวาคม อาจจะเป็นห้วงเวลาสุดท้ายสำหรับประเมินการเปลี่ยนแปลงตัวเองตามเป้าหมายปีที่ตั้งไว้ เพื่อเตรียมพร้อมที่จะตั้งเป้าหมายใหม่ในปีใหม่ที่จะมาถึง
ทำไมคนเราถึงต้องมองหาสิ่งใหม่ ๆ แนวทางใหม่ ๆ ในชีวิตอยู่เสมอ?
อาจด้วยโลกและสังคมที่เคลื่อนไปข้างหน้า พร้อมกับสภาวะใหม่ ๆ ปัญหาใหม่ ๆ บังเกิดขึ้น จนหากเราไม่ขยับปรับตัวตาม สิ่งใหม่ ปัญหาใหม่เหล่านั้นอาจกระทบต่อความปกติของสุขภาวะของเราได้เช่นเดียวกับงานสร้างเสริมสุขภาพ ที่ก็ไม่อาจจะหยุดอยู่กับที่เดิมได้ สสส.ได้เกิดขึ้นมาเพื่อเป็นกลไกสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพใหม่รองรับการปรับเปลี่ยนโจทย์ของสุขภาวะยุคใหม่ ที่เพียงบริการทางการแพทย์เดิม ๆ ไม่อาจจะรองรับได้
22 ปี การเดินทางของ สสส. จึงมุ่งสรรค์สร้างหนทางใหม่ ๆ ที่จะรับมือปัญหาของยุคสมัยและก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อสมดุลสุขภาวะของสังคมไทยอันหลากหลาย หรือเราเรียกบทบาทด้านนี้ว่า “การสร้างนวัตกรรม” ในภาพรวมของบทบาท สสส. ที่สื่อออกไปว่า “สานพลัง สร้างนวัตกรรม สื่อสารสุข”
หนึ่งในการทำงานสร้างนวัตกรรมเชิงรุกโดยตรงที่ สสส. ได้ดำเนินงานต่อเนื่องมา 6 ปีแล้วคือ การสร้างนวัตกรรมสร้างเสริมสุขภาพ ด้วยการบ่มเพาะ และสร้างนวัตกรรุ่นใหม่ให้เกิดขึ้นในสังคม เพื่อมาตอบโจทย์ แก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
ตลอดระยะเวลา 6 ปี มีทีมส่งผลงานเข้าประกวดจากทั่วประเทศ จำนวน 1,484 ทีม เพาะเมล็ดพันธุ์นวัตกรรุ่นใหม่เกือบ 6,000 คน บ่มเพาะแนวคิดการสร้างเสริมสุขภาพ ทักษะพัฒนานวัตกรรม และการต่อยอดขยายผลงานพัฒนาต้นแบบนวัตกรรมสร้างเสริมสุขภาพกว่า 170 ผลงาน
ในปีนี้มีนวัตกรเข้าร่วมถึง 250 ทีม ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ จะเป็นความหวังเป็นเมล็ดพันธุ์รุ่นใหม่ที่พร้อมงอกงาม หากได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมให้ความคิดสร้างสรรค์เหล่านั้น ไปสู่การลงมือปฏิบัติจริงได้อย่างมีระบบแบบแผน และคอยติดอาวุธให้อย่างเหมาะสม
Prime Minister’s Award for Health Promotion Innovation 2023 เป็นรางวัลระดับชาติซึ่งต่อยอดมาจาก ThaiHealth Inno Award เมื่อปี 2560 โดย สสส. ได้สนับสนุน และสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้เกิดขึ้น เพื่อให้นวัตกรรุ่นใหม่สามารถต่อยอดผลงานไปสู่การแก้ปัญหาสุขภาวะของประชาชนวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมโยงสู่การให้บริการและนโยบาย หรือสู่การจดสิทธิทางปัญญา การเข้าสู่วงจรการผลิตและจำหน่ายทางธุรกิจ เป็นต้น และเชื่อว่าในอนาคตการพัฒนานวัตกรรมอาจไปถึงระดับนานาชาติได้ด้วย
อีกเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งในช่วงปลายปีแบบนี้ คือ การหยุดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนด้วย เพราะปริมาณการเดินทางจะเพิ่มขึ้นสูงในช่วงเทศกาลของการเฉลิมฉลอง ทำให้แต่ละปีมีความพยายามอย่างหนักในการหยุดความสูญเสียนอกจากระบบการร่วมกันทำงานบนถนนสายหลักสายรอง และการทำงานลงไปในระดับองค์กรที่กระตุ้นให้สถานประกอบการต่าง ๆ มาร่วมกำหนดมาตรการดูแลความปลอดภัยของพนักงานแล้ว ยังได้ค้นพบว่า “ชุมชน” ที่กระจายไปดูแลผู้คนระดับรากหญ้าทั่วประเทศ นับเป็นทั้งจุดเสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ทำให้เกิดการบาดเจ็บ และเสียชีวิตจำนวนมาก และก็เป็นจุดที่จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาสำคัญนี้เช่นกัน
การร่วมมือกันระหว่างท้องถิ่นเพื่อสร้างความปลอดภัยให้เกิดขึ้น ในตำบลสุขภาวะทั้งหลาย เป็น “ตำบลขับขี่ปลอดภัย” สามารถสร้างกฎเกณฑ์ร่วมกันเพื่อความปลอดภัย และนำมาสู่ด่านชุมชน ที่จะช่วยหยุดความสูญเสีย ในปีนี้มีการยกระดับไปสู่ “อำเภอขับขี่ปลอดภัย” ซึ่งถือเป็นการต่อยอด และแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิธีการทำงาน เพื่อขยายความร่วมมือออกไป เพื่อหยุดความสูญเสีย และสร้างถนนที่ปลอดภัยให้กับทุกคน
ที่ผ่านมา สสส. ได้ร่วมสานพลังเครือข่าย เพื่อให้เกิดความตระหนักในการหยุดความสูญเสียนี้มาอย่างต่อเนื่องโดยใช้แนวคิด เข้าใจ เข้าถึง พัฒนาศักยภาพทุนทางสังคมกระตุ้นให้เกิดแนวทางการพัฒนาและวิธีการใหม่ พัฒนาทักษะคนทำงาน ร่วมขับเคลื่อนนโยบายทั้งระดับ อำเภอ จังหวัด ภูมิภาคและประเทศอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยเชื่อว่าการยกระดับจากตำบล เป็นอำเภอ จะสามารถขยายวงต่อไปเพื่อถนนที่ปลอดภัยของทุกคน
สุดท้ายนี้ ขอส่งคำอวยพรในวาระปีศักราชใหม่นี้แด่ทุกท่าน ให้ถึงพร้อมซึ่งสุขภาวะดีทั้งมิติกาย จิต ปัญญา สังคมเสมอไปครับ