คุยกับผู้จัดการ สสส. (เดือนพฤษภาคม 2566)

สวัสดีครับเพื่อนร่วมสร้างสุขทุกคน

                 หลังจากฤดูแห่งฝุ่นควัน สภาวะอากาศก็แปรปรวน ประเทศไทยถูกโจมตีด้วยคลื่นความร้อนเพิ่มสูง พร้อมกับความเจ็บป่วยจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ค่าไฟฟ้าที่พุ่งสูง ภาวะแล้งในพื้นที่เกษตรกรรม ฯลฯ แม้จะเป็นวงจรแห่งฤดูกาลที่หมุนเวียนมา แต่ก็เพิ่มความเข้มข้นของคำเตือนถึงวิกฤตสภาวะแวดล้อมรอบตัวเราที่เป็นโจทย์สุขภาวะสำคัญยิ่งของปัจจุบันและอนาคต

                 แต่ในเดือนพฤษภาคมที่ก้าวเข้ามาถึงนี้ มีวาระทางสุขภาพที่น่าสนใจ คือ “วันงดสูบบุหรี่โลก” ซึ่งทุกปีองค์การอนามัยโลก ได้กำหนดคำขวัญรณรงค์เพื่อให้นานาประเทศหันมาให้ความสนใจการควบคุมการบริโภคยาสูบ โดยแนวคิดหลักของการรณรงค์งดสูบบุหรี่ในปีนี้เป็นเรื่องของการรณรงค์ให้เลิกปลูกใบยาสูบเปลยี่ นเป็นปลูกพืชยั่งยืนแทน ซึ่งถือเป็นการลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมทั้งทางตรงและทางอ้อม เพราะกระบวนการผลิตยาสูบ ตั้งแต่การเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว และการผลิต ได้ทำลายสิ่งแวดล้อม รวมถึงทำลายสุขภาพของเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบ ขณะที่บุหรี่ก้นบุหรี่ ก็ยังตกค้างอยู่ในสิ่งแวดล้อมจำนวนมหาศาล

                 สำหรับประเทศไทย ในปีนี้ได้เน้นการรณรงค์ไปที่ประเด็น “บุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษ เสพติด อันตราย” บุหรี่ไฟฟ้าเป็นผลิตภัณฑ์ของอุตสาหกรรมยาสูบที่พยายามสร้างนักสูบหน้าใหม่ขึ้น โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนที่สถานการณ์การติดบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นประเทศไทยหรือประเทศต่าง ๆ ล้วนมีแนวโน้มคล้ายกัน คือ เด็กและเยาวชน ตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย รวมถึงนักเรียนระดับอาชีวศึกษา ใช้บุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมาก ด้วยเพราะกลยุทธ์ที่ทำให้ผลิตภัณฑ์สวยงาม ปรุงแต่งกลิ่นให้เด็ก ๆ ที่อยากรู้อยากลองอยู่แล้ว อยากรู้อยากลองมากขึ้นไปอีก สำหรับประเทศไทย ข้อมูลล่าสุดจากสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2564 มีคนไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้า 78,742 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กและเยาวชน อายุ 15-24 ปี มากถึง 30%

                 มีคำลวงมากมายที่แฝงอยู่ในเรื่องของบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่า บุหรี่ไฟฟ้าช่วยเลิกบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกับคนรอบข้าง เมื่อค้นหาความจริงในเรื่องเหล่านี้ ก็พบว่า มีความจริงที่ธุรกิจยาสูบไม่อยากให้ใครรู้ ไม่ว่าจะเป็นการทำวิจัยที่ไม่ชัดเจน การทำวิจัยอยู่บนผลประโยชน์ทับซ้อน การทำวิจัยที่ไม่ได้รับความน่าเชื่อถือในหมู่นักวิจัยวงกว้าง และการกล่าวอ้างที่ไม่มีหลักฐานยืนยัน

                 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า เป็นสิ่งที่ สสส. และภาคีเครือข่ายสุขภาพ ได้เร่งทำความเข้าใจกับประชาชนในวงกว้าง โดยเฉพาะกับเด็กและเยาวชนว่าบุหรี่ไฟฟ้า ก็มีอันตรายเหมือนกับบุหรี่แบบมวนเมื่อสูบบุหรี่ไฟฟ้า ก็พาให้ไปติดบุหรี่แบบมวน รวมถึงสิ่งเสพติดชนิดอื่นได้อีกด้วย ซึ่งไอของบุหรี่ไฟฟ้ามีขนาดเล็กกว่า PM2.5 ทำให้ผู้สูบมีโอกาสจะสูดเข้าไปถึงปอดส่วนลึก และสารปรุงแต่งต่าง ๆ ก็ไม่มีข้อพิสูจน์ว่าจะไม่ทำอันตรายต่อปอด ส่วนคนรอบข้างก็มีสิทธิ์ได้รับอันตรายจากไอที่ออกมาจากบุหรี่ไฟฟ้าด้วยเช่นกัน

                 หลายประเทศในโลก ได้วางเป้าหมายถึง “จุดจบ” (end game) ของการสูบบุหรี่ของประชากรในประเทศของตนกันแล้ว และเงื่อนไขสำคัญคือต้องช่วยกันยับยั้งนักสูบหน้าใหม่ที่ตกเป็นเหยื่อของกลยุทธ์ทางการตลาดของอุตสาหกรรมยาสูบ ที่พยายามอย่างยิ่งในการสร้างนักสูบหน้าใหม่มาทดแทนนักสูบรุ่นเก่าที่เจ็บป่วยและเสียชีวิตไป

                 “เลิกสูบบุหรี่ทุกชนิด เพื่อสุขภาพของท่านและคนรอบข้าง”

Shares:
QR Code :
QR Code