เผยไวรัส “RSV” ไม่ใช่โรคใหม่
พบในไทยนานแล้ว
กรณีสื่อฯ เสนอข่าวพบการระบาดของไวรัสชนิดรุนแรง ชื่อ ไวรัสอาร์เอสวี เข้าสู่ไทย ไม่มียารักษาและไม่มีวัคซีน และกำลังแพร่เชื้อจากเด็กเล็กสู่ผู้สูงอายุ ทำให้คนแก่ที่อ่อนแอเสียชีวิตหลายราย
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2553 นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า เชื้อไวรัส อาร์เอสวี (rsv : respiratory syncytial virus) เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคปอดบวม หรือปอดอักเสบ รวมทั้งหลอดลมอักเสบในเด็ก ส่วนใหญ่มักเป็นในเด็กเล็กๆ อายุต่ำกว่า 2 ปี ไม่ใช่โรคใหม่แต่อย่างใด ในไทยพบมานานแล้ว และพบได้ตลอดปี โดยพบมากในช่วงปลายฝนต้นหนาว
นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวว่า โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งเชื้อชนิดนี้ทั่วโลกไม่มียารักษาโดยตรงอยู่แล้ว แพทย์จะรักษาตามอาการ หากการดูแลดีก็จะหายได้เอง แต่หากดูแลไม่ดีอาจเกิดโรคแทรกซ้อนทำให้ปอดอักเสบ ซึ่งแพทย์ในโรงพยาบาลทุกแห่งจะมีความเชี่ยวชาญในการดูแลผู้ป่วยประเภทนี้อยู่แล้ว เพราะไม่ใช่โรคใหม่ โรคนี้เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ เชื้อจะอยู่ในน้ำมูก น้ำลาย แพร่เชื้อสู่คนอื่นได้ทางการไอ จาม เช่นเดียวกับไข้หวัด
ผู้ที่มีภูมิต้านทานโรคไม่ดี เช่นผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว รวมทั้งเด็กเล็ก อาจติดเชื้อได้ง่าย อาการป่วยเริ่มต้นจะมีอาการไข้หวัดธรรมดาก่อน อาจมีไข้ต่ำๆ ไอ มีน้ำมูก แต่ต่อมาจะมีไข้สูง หายใจลำบาก เด็กจะซึมลง ไม่กินน้ำ ไม่กินนม มีไข้สูง ไอ หายใจหอบ เร็ว และมีเสียงหวีดหรือฮี๊ด ซึ่งเป็นอาการปอดบวม จะต้องรีบพาไปพบแพทย์โดยเร็วเพราะอาจเสียชีวิตได้
นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวว่า การป้องกันไม่ให้ป่วย ขอให้หลีกเลี่ยงการพาเด็กไปในสถานที่แออัด ไม่ให้เด็กเล่นคลุกคลีกับคนที่เป็นหวัด เด็กที่อยู่ในห้องแอร์ หรือในที่อากาศเย็นให้สวมเสื้อผ้าหนาๆ ให้ความอบอุ่นเพียงพอ ประการสำคัญขอให้พ่อ แม่ ผู้เลี้ยงดูเด็ก ล้างมือให้เด็กบ่อยๆ การล้างมือจะช่วยกำจัดเชื้อที่ติดมากับมือทุกชนิดได้กว่าร้อยละ 80 หากมีเด็กป่วยในบ้าน หรือที่ศูนย์เด็กเล็ก สถานที่รับเลี้ยงเด็กเล็ก ให้แยกเด็กป่วยออกจากเด็กปกติ ไม่ให้คลุกคลีกัน และแยกเครื่องใช้ออกเด็กที่ป่วยออกต่างหาก
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
update : 29-10-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : กิตติภานันทร์ ลีจันทึก