หมุน2 ล้อด้วย 2 ขา ลดมลพิษ “วันปลอดรถ”
บรื๊น บรื๊น…..นน เสียงรถยนต์ ผสมเสียงรถมอเตอร์ไซด์ ที่ดังลั่นอยู่เต็มท้องถนนไปหมดในปัจจุบัน แถมยังมีเจ้าควันสีดำๆ ที่ลอยออกมาจากท้ายรถ ส่งกลิ่นเหม็น ดูแล้วช่างเป็นภาพที่ไม่น่ามอง แถมยังเป็นมลพิษและทำลายสิ่งแวดล้อมอีกด้วย นั่นทำให้หลายคนนึกถึง วันปลอดรถ หรือ Car Free Dayขึ้นมาทันที เพราะในวันนี้น่าจะเป็นวันที่ใครหลายคนอาจหายใจเข้าได้แบบเต็มปอดอย่างสดชื่น…
เพราะในวันปลอดรถ องค์กรในประเทศต่างๆ ทั่วโลก จะพร้อมใจกันรณรงค์ให้ประชาชนลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล หันมาใช้รถขนส่งมวลชน และรถจักรยาน เพื่อลดปริมาณรถยนต์ในท้องถนน ส่งผลถึงการลดปัญหามลพิษทางอากาศจากยานพาหนะ และยกระดับคุณภาพอากาศให้ดีขึ้น รวมทั้งลดปัญหาการจราจรติดขัด การเกิดอุบัติเหตุ ช่วยประหยัดเวลาในการเดินทาง และจะส่งผลต่อการประหยัดพลังงานน้ำมัน รวมทั้งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางอีกด้วย ซึ่งจะตรงกับวันที่ 22 กันยายนของทุกปี
นายมงคล วิจะระนะ รองนายกสมาคมจักรยานเพื่อสุขภาพไทย บอกกับเราว่า ในทุกๆวันที่ 22 ก.ย. ที่ถือเป็นวันปลอดรถ ทางสมาคมฯ จะณรงค์ให้คนไทยหันมาปั่นจักรยาน เพื่อลดปริมาณการใช้รถยนต์เพราะการปั่นจักรยานนั้น เหมือนได้ออกกำลังกายไปในตัว สร้างกล้ามเนื้อขา และไม่สร้างมลพิษ ไม่ทำให้อากาศเสียอีกด้วย และเมื่อคนเราอยู่ในสภาพอากาศที่ดี สิ่งแวดล้อมที่ดี สุขภาพคนเราก็จะดีตามไปด้วย และที่สำคัญถือเป็นการประหยัดพลังงานด้วย
“การใช้พลังงานในตอนนี้ หลักๆ ก็คงเป็นการใช้น้ำมัน ใช้สักวันก็ต้องหมดไป การเผาผลาญพลังงานในปริมาณมากๆ ส่งผลให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และนั่นก็ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจกและโลกร้อน จากที่เราเห็นๆ กันอยู่ อย่างเช่น น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ฝนตกหนัก แผ่นดินไหวหรือหิมะตกในหลายๆประเทศ เห็นได้ว่าเหตุการณ์ธรรมชาติทั้งหมดนี้ มันรุนแรงขึ้นทุกวัน แต่มนุษย์เรายังไม่ตื่นตัวในการที่จะแก้ปัญหาและในที่สุดหากปล่อยไว้มันจะกลับมาส่งผลร้ายต่อเราอย่างแน่นอน”นายมงคลกล่าว
นายมงคล กล่าวต่อว่า การออกกำลังกายเพื่อให้สุขภาพดีและสามารถช่วยลดการใช้พลังงานได้ด้วยนั้น มีหลายวิธีไม่ว่าจะเป็นการเดินหรือวิ่ง แต่เหตุที่เรารณรงค์ให้ปั่นจักรยานนั้น เพราะมันสามารถเดินทางไปได้ไกล ทำให้เกิดการเพลินเพลิน เหมือนตัวเราได้การท่องเที่ยวไปในตัว
“คนเราต่อให้แข็งแรงเท่าไหร่ ก็อาจวิ่งหรือเดินได้ไกลประมาณ 20-30 กิโลเมตร แต่การปั่นจักรยานเราสามารถปั่นไปได้เรื่อยๆ เผาผลาญไขมันไปเรื่อยๆ บางครั้งเราสามารถปั่นไปได้ไกลถึง 100 กิโลเมตร โดยที่ไม่เหนื่อยเท่าไหร่นัก หรือในเวลาเร่งรีบในตอนเช้าในเวลาเพียง 1 ชม. เราสามารถปั่นไปได้ไกลถึง 20 กิโลเมตรเลยทีเดียว เพราะมันเพลิน และที่สำคัญหากเราได้ปั่นในเส้นทางที่สงบ บรรยากาศร่มรื่น หรือในสถานที่ที่เราชอบ ก็จะทำให้เกิดความสุขขึ้นมาอีกด้วย ซึ่งบรรยากาศแบบนี้ เชื่อว่าหลายคนคงชอบ นี่แหละเป็นเสน่ห์ของการปั่นจักรยาน”นายมงคลกล่าว
นายมงคล บอกอีกว่า ปัจจุบันนี้ในสมาคมมีสมาชิกที่ปั่นจักรยานแล้วว่า 5 พันคนกว่าทั่วประเทศ ซึ่งทางเราได้จัดกิจกรรมรณรงค์ให้คนไทยหันมาปั่นจักรยานอย่างต่อเนื่อง อย่างเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อให้ประชาชนเล็งเห็นและซึมซับการใช้จักรยานเพื่อให้มันเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวัน และในอนาคตเราจะเน้นไปที่การท่องเที่ยว ออกกำลังกายและการให้ความรู้ไปพร้อมๆ กัน โดยร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัด Car Free Sundayปั่นจักรยานท่องเที่ยวตามสถานที่สำคัญรอบเกาะรัตน์โกสินทร์ ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอาราม พิพิธภัณฑ์หรืออื่นๆ อีกด้วย
ถ้าการปั่นจักรยานจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยรักษาสุขภาพทั้งตนเอง คนรอบข้าง และโลกของเราแล้วนั้น คงถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนจะหันมาลดใช้พลังงานด้วยการปั่นจักรยานกันเถอะคะ
ที่มา : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่ Team content www.thaihealth.or.th