‘สสส.’เผยเยาวชน 1.25 ล้านเสี่ยงเพศสัมพันธ์ก่อนวัยควร

สาวไทยรักนวลสงวนตัว ‘สาธารณสุข’ เผยผลโพลร้อยละ 85 ไม่เห็นด้วยกับการเสียตัวให้แฟนในวันวาเลนไทน์ ส่วนร้อยละ 82 เห็นว่าผู้หญิงควรรักษาพรหมจรรย์จนกว่าจะอายุ 18 ปี สสส.เผยมีเยาวชน 1.25 ล้านคน พฤติกรรมเสี่ยงมีเพศสัมพันธ์โดยไม่พร้อม

สสส.'เผยเยาวชน 1.25 ล้านเสี่ยงเพศสัมพันธ์ก่อนวัยควร

เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า มอบหมายให้กรมควบคุมโรคสำรวจความคิดเห็นของเยาวชนอายุระหว่าง 12-24 ปี ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในหัวข้อ “เยาวชนกับวันวาเลนไทน์” ร่วมกับสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เพื่อต้องการทราบพฤติกรรมการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเรื่องโรคภัยจากสื่อต่างๆ ที่เข้าถึงตัวเยาวชน วิธีการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่น โดยใช้กลุ่มตัวอย่าง 1,012 ตัวอย่าง สำรวจเมื่อเดือนมกราคม 2554  เกี่ยวกับทัศนคติ ค่านิยม ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของวัยรุ่น พบว่า ค่านิยมที่กลุ่มตัวอย่างไม่เห็นด้วย อันดับ 1 คือ การมีคู่นอนพร้อมกันหลายๆ คนเป็นเรื่องธรรมดา ไม่เห็นด้วยร้อยละ 90 อันดับ 2 คือวันวาเลนไทน์เป็นวันที่ควรมีเพศสัมพันธ์กับคนรัก ไม่เห็นด้วยร้อยละ 85  อันดับ 3 การทำแท้งควรทำให้เป็นเรื่องถูกกฎหมาย ไม่เห็นด้วยร้อยละ 74

นางพรรณสิริกล่าวว่า ประเด็นที่กลุ่มตัวอย่างเห็นด้วย ได้แก่ กฎหมายควรระบุให้ผู้ชายมีส่วนรับผิดชอบต่อการทำแท้ง เห็นด้วยร้อยละ 83 รองลงมา ได้แก่ ผู้หญิงควรรักษาพรหมจรรย์ไว้จนกว่าจะอายุ 18 ปี เห็นด้วยร้อยละ 82 ส่วนประเด็นการทดลองอยู่ก่อนแต่งเป็นเรื่องที่สังคมปัจจุบันยอมรับได้ วัยรุ่นเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยใกล้เคียงกัน นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างยังสนับสนุนมาตรการห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ออกจากบ้านหลัง 22.00 น. ร้อยละ 60

“เมื่อสอบถามว่า ถ้าแฟน หรือคนรักขอมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์จะทำอย่างไร กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 67 ตอบปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์อีกร้อยละ 25 ตอบว่ายอมมีเพศสัมพันธ์ โดยเป็นชายมากกว่าหญิงถึง 6 เท่าตัว กลุ่มอายุที่ยอมมีเพศสัมพันธ์มากที่สุดได้แก่อายุ 21-24 ปี ร้อยละ 39 ต่ำสุดคือกลุ่มอายุ 12-14 ปี ร้อยละ 8” นางพรรณสิริกล่าว

นางพรรณสิริ กล่าวอีกว่า ส่วนการใช้ถุงยางอนามัย พบว่าในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 28 ตอบว่าเคยมีเพศสัมพันธ์ และใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งร้อยละ 59 แต่เมื่อพิจารณาครั้งสุดท้ายของการมีเพศสัมพันธ์ พบว่าการใช้ถุงยางอนามัยลดลงเหลือร้อยละ 51 โดยให้เหตุผลที่ใช้ว่าเป็นการป้องกันการตั้งครรภ์ ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์ ถุงยางอนามัยที่ชื่นชอบที่สุด คือชนิดมีสี ได้แก่ สีชมพู สีแดง สีเหลือง ลักษณะถุงยางที่นิยมมากที่สุดได้แก่ชนิดมีกลิ่นหอม เช่น กลิ่นกล้วย สตรอเบอรี่ ทุเรียน แอปเปิล ชอบร้อยละ 19 ชอบผิวเรียบร้อยละ 16 โดยกลุ่มตัวอย่างซื้อถุงยางอนามัยอย่างสะดวกใจ จากร้านสะดวกซื้อมากที่สุด ร้อยละ 37 รองลงมาคือแจกฟรีที่สถานีอนามัย โรงพยาบาล ร้อยละ 17

ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์วันเดียวกัน ที่ลานดิจิทัล เกทเวย์ สยาม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) มูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว และองค์การแพธ จัดกิจกรรม “story of love รักออกแบบได้” เพื่อให้ความรู้ช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ โดย ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า สสส.ร่วมขับเคลื่อนนโยบายเพื่อลดปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ให้ได้ 20% ภายใน 2 ปีจากนี้

“ข้อมูลการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ของวัยรุ่นอายุ 15-19 ปี กว่า 5 ล้านคน พบร้อยละ 65 ขาดความรู้ในการป้องกันการตั้งครรภ์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีเยาวชนถึง 1.25 ล้านคน มีพฤติกรรมเสี่ยง และมีอัตราการคลอดบุตร เฉลี่ย 1.2 แสนราย/ปี หรือเฉลี่ยวันละ 336 คน โดยเยาวชนอยากปรึกษาเรื่องเพศกับผู้ปกครองมากที่สุด รองลงมาคือเพื่อนสนิท การเสริมทักษะให้เด็ก เยาวชน และผู้ปกครอง เข้าใจถึงการสื่อสารเรื่องเพศ เพื่อป้องกันตัวเอง จึงเป็นเรื่องสำคัญ”ทพ.กฤษดากล่าว

รศ.ดร.อาภาพร เผ่าวัฒนา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงการศึกษาเรื่อง “การมีส่วนร่วมของมารดาในการป้องกันพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของวัยรุ่นหญิง ในชุมชนแออัด เขต กทม.” พบว่ากลุ่มมารดา 74.5% เข้าใจไม่ถูกต้องเรื่องคุมกำเนิด อีก 46.4% รู้สึกว่าการพูดคุยเรื่องเพศกับบุตรสาวเป็นเรื่องน่าอายโดย 49.4% ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร และ 33.1% ลำบากใจที่จะพูด ขณะที่กลุ่มบุตรสาว อายุ 15-20 ปี พบมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกอายุเฉลี่ยที่ 15.8 ปี และต่ำที่สุด 13 ปี ส่วนใหญ่ไม่มีความจริงจังในการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก โดย 61.4% คุมกำเนิด ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ 50.8%ใช้วิธีทานยาเม็ดคุมกำเนิด 30.5% ใช้ถุงยางอนามัย และยาเม็ดคุมกำเนิด 6.8% ขณะที่ 38.6% ไม่คุมกำเนิด

สวนดุสิตโพลล์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,410 คน โดยกระจายตามกลุ่มอายุ เรื่อง “วาเลนไทน์” ในมิติ “เชิงบวก” “เชิงลบ” ระหว่างวันที่ 7-13 กุมภาพันธ์พบว่า เยาวชนกลุ่มอายุ 13-17 ปี ให้ความสำคัญและชื่นชอบวันวาเลนไทน์มากที่สุด และเมื่อเปรียบเทียบมิติความคิดพบว่ากลุ่มอายุไม่เกิน 20 ปี จะคิดเชิงบวก มากกว่าเชิงลบโดยคิดว่า เป็นวันที่มีความนิยมตามกระแสแฟชั่น ทำตามสังคม เป็นการอุทิศเพื่อความรัก ส่วนกลุ่มอายุสูงกว่า 30 ปีจะคิดเชิงลบมากกว่าเชิงบวก โดยคิดว่า เป็นเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศ มัวเมาอบายมุข ยาเสพติด

สิ่งที่กลุ่มตัวอย่างอยากเห็นในวันวาเลนไทน์มากที่สุด ร้อยละ 49.86 คือ การให้ความรักที่จริงใจ ลดความขัดแย้ง แตกแยก การสร้างความสามัคคีในสังคมไทย รองลงมาคือ การให้ความรักแก่ทุกคน ไม่จำกัดเฉพาะแฟน เช่น พ่อแม่ เพื่อนญาติ และการให้ความรักที่บริสุทธิ์ เห็นอกเห็นใจคนที่รัก ไม่มุ่งเน้นแต่เรื่องเพศสัมพันธ์เพียงอย่างเดียว

ด้าน “หาดใหญ่โพล” โดยสำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ จ.สงขลา สำรวจความคิดเห็นประชาชน 14 จังหวัดภาคใต้จำนวน 1,187 คน พบว่าเยาวชนไทยให้ความสำคัญเกี่ยวกับเทศกาลวันวาเลนไทน์ในระดับปานกลาง 5.02 คะแนน จาก 10 คะแนน และนักศึกษาเพศหญิงให้ความสำคัญวันดังกล่าวมากกว่าเพศชายร้อยละ 63.9 และให้ความสำคัญกับวันเกิดพ่อแม่มากกว่า ร้อยละ 48.5 ส่วนร้อยละ 63.3 คิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องมอบของขวัญให้คนพิเศษในวันวาเลนไทน์ ร้อยละ 72  ต้องการออกไปเที่ยวในวันวาเลนไทน์ โดยร้อยละ 59.1 ต้องการไปเที่ยวกับแฟนหรือคนรัก ร้อยละ 26.3 กับ 14.5 ต้องการไปเที่ยวกับเพื่อนและครอบครัว

สำหรับของขวัญวันวาเลนไทน์ ร้อยละ 41.4 ต้องการดอกไม้จากคนรัก รองลงมาร้อยละ 37.3 เอสเอ็มเอสหรือเอ็มเอ็มเอส และร้อยละ 34.3 ตุ๊กตา และร้อยละ 55.5 คิดว่าการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรของเด็กและเยาวชน เป็นประเด็นที่ต้องเฝ้าระวังและเตือนภัย

ส่วนกิจกรรมที่จังหวัดต่างๆ จัดขึ้นนั้น ที่บ้านผางามรีสอร์ท ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี จัดงานบันทึกรักกลางภูผาและวิวาห์ผจญภัย ปีที่ 8 (adventure wedding) โดยปีนี้ คู่บ่าวสาวเข้าร่วมวิวาห์ 6 คู่ ซึ่งบ่าวสาวจะต้องผ่านด่านวิวาห์ผจญภัย ด่านแรกนำคู่รักลอยเคียงคู่กันไปสูง 25 เมตร บนสายสลิงเหนือทิวเขาอุทยานแห่งชาติทับลานเพื่อชมวิว พร้อมปีนหน้าผาลงมาจดทะเบียนสมรสบันทึกรักกลางภูผา จากนั้นแต่ละคู่จะถูกโรยตัวสู่ผาน้ำตกเวฬุวันสูง 70 เมตร เพื่อแลกแหวนแต่งงาน และรับจดทะเบียน

สำหรับคู่รัก 6 คู่ ประกอบด้วย 1.น.ส.ศศิวิมล เอี่ยมคง อายุ 33 ปี กับนายพฤฒิพงษ์ โยติภัยอายุ 36 ปี 2.น.ส.ประภัสสร มหาวงษ์ อายุ 25 ปีกับนายสนธยา เทียมจันทร์ อายุ 28 ปี 3.น.ส.ฐิติพร พุทธชาติ อายุ 34 ปี กับนายสิทธิพงศ์ วงศ์สมัย อายุ 37 ปี 4.น.ส.อมรรัตน์ แสนราช อายุ 28 ปี กับ พ.ต.ท.กิตติทัสน์ จันทร์ฉาย อายุ 34 ปี 5.น.ส.สุภาวดี ดอกบัว อายุ 29 ปี กับ จ.ส.อ.สุจิตต์ เอี่ยมสำอางค์ อายุ 31 ปี และ 6.น.ส.มาลาตี สุขมะณี อายุ 31 ปี กับ พ.จ.อ.สุพจน์ แจ้งมรคา อายุ 31 ปี

ที่ จ.สุราษฎร์ธานี นายไพศาล ตรีธัญญา นายอำเภอพุนพิน และนายเชน เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ นายทศพล งานไพโรจน์ นายกเทศมนตรีเมืองท่าข้าม พร้อมข้าราชการและประชาชนจำนวนมาก จัดขบวนกลองยาวนำ คู่บ่าวสาวไทย 11 คู่ และชาวต่างชาติอีก 2 คู่ แห่ขันหมากไปยังสถานีรถไฟสุราษฎร์ธานีขึ้นขบวนรถไฟสายประวัติศาสตร์เที่ยวเมืองสองท่า (ท่าข้าม อ.พุนพิน-ท่าขนอนอ.คีรีรัฐนิคม) ที่ตกแต่งด้วยดอกไม้รูปหัวใจพาไปรดน้ำสังข์และจดทะเบียนสมรสที่สถานีรถไฟบ้านดอนรัก ช่วงบ่ายนำคู่รักทั้งหมดล่องแพไปตามลำน้ำตาปี ช่วงค่ำล่องเรือชมหิ่งห้อยและมีพิธีส่งตัวเข้าพักฉลองวันวาเลนไทน์ ที่โฮมสเตย์ ต.ลีเล็ด ก่อนจะร่วมกันปลูกต้นไม้แห่งรักไว้เป็นที่ระลึก

ส่วนที่ อ.วิภาวดี นายปรีชา คุ้มวงศ์ นายอำเภอวิภาวดี นำชาวบ้านจัดขบวนแห่ขันหมากคู่รัก 30 คู่ ไปยังหน้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง พร้อมเลี้ยงฉลองต้อนรับ โดยนำคู่รักทั้งหมดลงแพล่องแก่งไปจดทะเบียนกลางลำน้ำแก่งกรุงที่บริเวณสะพานนาค โดยนายปรีชาแต่งกายชุดเทพารักษ์ ห้อยตัวลงจากต้นไม้ออกจากป่ามามอบทะเบียนสมรสให้ และที่ อ.พนม ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเขาสก จัดขบวนช้างนำคู่รักชาวไทยและต่างประเทศ 10 คู่ แห่ขันหมากไปส่งที่บ้านต้นไม้ หรือบ้านทาร์ซาน

ส่วนที่ จ.ตาก แรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่าต่างเร่งตัดดอกกุหลาบที่เหลือตกค้างบนต้นกุหลาบ บริเวณบ้านช่องแคบ ต.ช่องแคบ อ.พบพระ หลังจากที่ดอกเบ่งบานช้าจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น ประกอบกับแรงงานต่างด้าวขาดแคลน จึงต้องเร่งตัดดอกกุหลาบเก็บทั้งวันเพื่อเร่งส่งดอกกุหลาบที่ตกค้างให้ถึงปากคลองตลาด กทม.ในเช้าวันวาเลนไทน์

นายขิ่นซอ แรงงานพม่าบอกว่า นายจ้างให้เร่งเก็บดอกกุหลาบเพื่อส่งให้ลูกค้า แต่ตอนนี้มีปัญหาแรงงานพม่าไม่เพียงพอ จากเดิมมีกว่า 100 คน ขณะนี้เหลือเพียง 60 คน จึงต้องเร่งเก็บดอกกุหลาบให้ทันก่อนวันวาเลนไทน์

สำหรับบรรยากาศการซื้อขายดอกไม้สด ที่บริเวณตลาดใหม่แม่กิมเฮง ถนนสุรนารี ในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา สถานที่ขายส่ง-ขายปลีกดอกไม้สดและแห้ง แหล่งใหญ่ที่สุดในเขตภาคอีสาน ก่อนกระจายไปตามภูมิภาค และที่บริเวณตลาดสดเทศบาลนครนครศรีธรรมราชวัยรุ่นชาย-หญิงซื้อดอกไม้กันจำนวนมาก โดยเฉพาะ   ดอกกุหลาบจำนวนมาก หากเป็นดอกสีแดงสดตกราคาห่อละ 500-800 บาท ดอกสีชมพู 500-700 บาท และคละสี 450-650 บาท

นางสุนิตย์ ขอสงวนนามสกุล เจ้าของร้านดอกไม้แห่งหนึ่งเผยว่า ปีนี้ดอกไม้มีราคาแพงเนื่องจากเกิดอุทกภัยและวาตภัย แม้ดอกไม้บางชนิดจะสั่งมาจากประเทศเพื่อนบ้านก็ยังคงมีราคาแพงเช่นกัน ปัจจุบันวัยรุ่นจะไม่ซื้อเป็นดอก แต่ซื้อเป็นห่อนำไปแบ่งกัน

ผู้สื่อข่าว จ.ตรัง รายงานว่า การจำหน่ายดอกไม้ช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ปีนี้เป็นไปอย่างคึกคัก โดยแต่ละร้านจะมีเด็กนักเรียน วัยรุ่น หนุ่มสาวและวัยทำงาน ต่างพากันหาซื้อดอกกุหลาบเพื่อให้กับคนรักและเพื่อนฝูง

นางกานต์ธิดา ชูสุข เจ้าของร้านบุหงาออคิดตั้งอยู่บนถนนพัทลุง เขตเทศบาลนครตรัง เปิดเผยว่า การจำหน่ายดอกไม้ช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ปีนี้ไม่แตกต่างจากปีที่ผ่านมามากนัก ยอดขายยังคงเท่าเดิม แต่กำไรอาจจะลดลงบ้างเพราะปีนี้ ดอกกุหลาบมีผลผลิตน้อยมาก ส่งผลให้ราคาดอกกุหลาบและดอกไม้อื่นทุกชนิดปรับสูงขึ้นร้อยละ 15

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน

Shares:
QR Code :
QR Code