งามด้วยมารยาท สมบูรณ์ด้วยอนามัย

อ่อนหวาน เข้าไว้ ดีทั้งสุขภาพกาย-ใจ

 

งามด้วยมารยาท สมบูรณ์ด้วยอนามัย

          ย้อนหลังไปกว่า สามสิบปี ที่ผ่านมา “ผู้เขียน” ยังจำเสียงพร่ำสอนของผู้ใหญ่ติดอยู่ในหูว่า ให้มีกริยาทมารยาทอ่อนหวาน เพื่อให้เกิดเป็นเสน่ห์แก่ตนเอง และเพิ่มความงามทั้งภายในและภายนอกแก่ตัวเองและวงศ์ตระกูล

 

          มาปัจจุบัน “ผู้เขียน” ไม่ค่อยได้ยินเสียงของผู้หลักผู้ใหญ่ นั่งพร่ำสอนให้ลูกหลานตระหนักถึงความอ่อนหวานมากนัก ส่วนใหญ่เด็กไทยยุคดิจิตอลจึงไม่ค่อยงามด้วยกริยาและมารยาท จวบจนกระทั่งมาได้ยินถึงโครงการ “สพท.อ่อนหวาน จึงเกิดความดีใจ ที่คนรุ่นใหม่กำลังมองเห็นถึงความสำคัญของความอ่อนหวานกันบ้างแล้ว

 

          แต่เมื่อได้พบโครงการจริงๆแล้ว จึงได้รู้ว่า โครงการอ่อนหวานนี้ เป็นโครงการเพื่อสุขอนามัย มิได้เกี่ยวข้องกับกริยามารยาทแต่อย่างใดเลย แต่ก็ทำให้เกิดความรู้ขึ้นมาว่า “ความอ่อนหวาน” นี้ มีผลในทางที่ดี ทั้งในเรื่องของกริยามารยาท และ สุขอนามัย แปลกจริงๆ

 

          เราลองมาดูกันให้ใกล้สักหน่อยซิว่า เมื่ออ่อนหวานแล้วจะเกิดผลดีต่อสุขภาพอนามัยได้อย่างไร

 

          โครงการ สพท. (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา) อ่อนหวาน เป็นการรณรงค์ให้เด็กๆ ในโรงเรียน ลดปริมาณการบริโภคของหวานให้น้อยลง โดยเฉพาะน้ำอัดลม และขนมขบเคี้ยวที่มีรสหวานจัด ทั้งนี้เนื่องจาก ได้มีการวิจัยกันออกมานานแล้วว่า ในปริมาณน้ำอัดลมหนึ่งกระป๋องนั้น

 

          จะมีน้ำตาลผสมอยู่ตั้งแต่ 8 – 14 ช้อนชา เมื่อใครก็ตามดื่มน้ำอัดลมหนึ่งกระป๋องปริมาณน้ำตาลดังกล่าวก็จะเข้าไปสู่ร่างกาย ซึ่งปริมาณน้ำตาลที่มีปริมาณมากดังกล่าวนี้ มันเกินความต้องการของร่างกาย แม้น้ำตาลจะเป็นพลังงานที่ร่างกายต้องการ แต่เขาก็ไม่ต้องการมากถึงขนาดดังกล่าว ยิ่งบางคนดื่มน้ำอัดลมวันละมากกว่าหนึ่งกระป๋อง ร่างกายก็ยิ่งหมดความสุขมากขึ้นเท่านั้น

 

          โดยเฉพาะน้ำตาลจากน้ำอัดลม เป็นน้ำตาลที่ฝรั่งเขาเรียกว่า Empty Calories แปลเป็นภาษาไทยจะได้ว่า เป็น “พลังงานว่างเปล่า” คือ มันมีแต่น้ำตาลเพียงอย่างเดียว สารอาหารอื่นๆ ที่มีประโยชน์แก่ร่างกายไม่มีเจือปนอยู่เลย ยิ่งดื่มมากก็ยิ่งชีช้ำมากยิ่งขึ้น

 

          เพราะในน้ำอัดลมจะมีกรดที่เรียกว่า ฟอสฟอริก ที่จะส่งผลให้เกิดผลร้ายต่อร่างกาย คือ จะทำให้กระดูกผุ เนื่องจากมวลกระดูกจะลดลง กระดูกในร่างกายของเราก็จะได้รับความกระทบกระเทือน เป็นต้นว่า เกิดฟันผุ ฟันกร่อน กระดูกหักง่าย แถมยังมีผลร้ายกระทบไปถึงระบบการย่อยอาหารในร่างกายด้วย คือ ทำให้เกิดท้องอืด ท้องเฟ้อ

 

          ซึ่งเจ้าตัวร้ายจากน้ำอัดลมนี้ จะมีผลกระทบโดยตรงกับเด็ก และบรรดาวัยรุ่นเป็นอย่างมาก เพราะคนในวัยดังกล่าว กำลังเป็นวัยของการพัฒนา เมื่อถูกสกัดดาวรุ่งเสียแล้ว ร่างกายก็มีการพัฒนาไม่สมบูรณ์ โอกาสดีๆ ที่จะได้รับในวัยเด็ก และวัยรุ่นจึงด้อยลงไปอย่างน่าเสียดาย

 

          ด้วยเหตุนี้ ทางกรมอนามัย และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงได้จัด ประกวด สพท.อ่อนหวานขึ้น โดยมีรางวัลให้กับผู้ชนะถึง 2 แสนบาท สำหรับโรงเรียนปลอดน้ำอัดลม – ขนมหวาน

 

          นพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า อัตราการบริโภคน้ำตาลของคนไทยเพิ่มอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในเด็ก ซึ่งแหล่งที่มาคือเครื่องดื่ม น้ำหวาน น้ำอัดลม ที่ส่งผลถึงปัญหาสุขภาพ อาทิ โรคฟันผุ ภาวะโภชนาการเกิน ที่นำไปสู่โรคเรื้อรังต่างๆ เมื่ออายุมากขึ้น

 

          ข้อมูลกองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ศึกษาสถานการณ์การจำหน่ายน้ำอัดลมในโรงเรียนพื้นที่นำร่อง 19 จังหวัด ที่เข้าร่วมโครงการเด็กไทยไม่กินหวาน พบ 20% ของโรงเรียนประถมศึกษาจำหน่ายน้ำอัดลม 6.2% โรงเรียนมัธยม 30% การสำรวจก่อนหน้านี้พบด้วยว่า เด็กดื่มน้ำอัดลมเฉลี่ยวันละ 1 ครั้ง สูงสุดคือ 3 ครั้ง ปริมาณเฉลี่ย 200 มิลลิลิตร หรือเกือบ 1 กระป๋อง ทำให้ได้รับน้ำตาลเฉลี่ย 7.4 ช้อนชา/ครั้ง โดยน้ำอัดลมชนิดน้ำดำหรือโคคาเป็นชนิดที่เด็กชอบดื่มมากที่สุด 72%

 

          นพ.ณรงค์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในปี 2551 สสส. ได้ร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จัดนโยบายโรงเรียนปลอดน้ำอัดลม งดจำหน่ายขนมกรุบกรอบ และอาหารที่มีน้ำตาลมาก ขณะนี้มีพื้นที่การศึกษาที่ปลอดน้ำอัดลมแล้วทั้งหมด 18 เขตพื้นที่การศึกษาจาก 12 จังหวัด ได้แก่ ตราด ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบูรณ์ แพร่ ภูเก็ต และแม่ฮ่องสอน ยะลา ระยอง ราชบุรี ลำปาง สงขลา สิงห์บุรี

 

          “เพื่อสนับสนุนให้สถานศึกษาทั่วประเทศตื่นตัวและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาให้ความสำคัญกับนโยบายนี้อย่างต่อเนื่อง กรมอนามัย กระทรวงศึกษาธิการ และเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงจัดโครงการคัดเลือก “สพท.อ่อนหวาน” โดยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ที่ได้รับคัดเลือก 20 แห่ง จะได้รับเงินรางวัลเขตพื้นที่ละ 10,000 บาท และผู้บริหารของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ยังมีโอกาสได้เข้าร่วมประชุมและรับโล่รางวัลในการประชุมนานาชาติการส่งเสริมสุขภาพช่องปากของเด็กวัยเรียนภาคพื้นเอเชีย ครั้งที่ 5 ประเทศไทย ปี 2550 (ACOHPSC) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10 – 12 ก.ย. นี้ ที่จังหวัดภูเก็ตด้วย” นพ.ณรงค์ศักดิ์ กล่าว

 

          ทพ.จันทนา อึ้งชูศักดิ์ ผู้จัดการเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน กล่าวว่า โรงเรียน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ที่ต้องการสมัครเข้าร่วมโครงการ “สพท.อ่อนหวาน” สามารถส่งใบสมัครได้ที่เครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน กองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย ภายในเดือน ก.ค. นี้ ซึ่งขณะนี้หลายประเทศกำหนดให้มาตรการโรงเรียนปลอดน้ำอัดลมเป็นนโยบายระดับประเทศ หรือระดับรัฐ เช่น สหรัฐอเมริกา เบลเยี่ยม สิงคโปร์ มาเลเซีย เกาหลี บราซิล ซาอูดิอาระเบีย บรูไน ไซปรัส ฟิจิ ขณะที่หลายประเทศแม้ไม่ได้ออกเป็นนโยบาย ก็ออกเป็นมาตรฐานหรือข้อแนะนำสำหรับโรงเรียนเพื่อเตือนภัยให้ลูกหลานของพวกเขาหลีกเลี่ยงเช่นเดียวกัน

 

          รู้อย่างนี้แล้วก็จำเอาไว้แล้วกันว่า อ่อนหวาน” เข้าไว้ มันจะดีทั้งสุขภาพ และงามทั้งมารยาท นะจะบอกให้

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า

 

 

Update 10-06-52

อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก

Shares:
QR Code :
QR Code