HIA เครื่องมือใหม่ใส่ใจสุขภาพ
17 ชาติ ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การประเมินผลทางสุขภาพ
หากกล่าวถึงคำว่า “HIA” หลายคนคงทำหน้างง ๆ พร้อมกับสงสัยต่อว่า เอชไอเอ ที่ว่านี้ คืออะไรกันแน่….วันนี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีคำตอบมาให้ค่ะ
“HIA” มีความเป็นมาอย่างไร?
นพ.วิพุธ พูลเจริญ ประธานกรรมการจัดการประชุม HIA 2008 เล่าถึงความเป็นมาของ HIA ให้ฟังว่า ก่อนหน้าที่จะมี HIA นานาชาติได้ใช้การประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ (Environment Impact Assessment-EIA) ซึ่งตามพระราชบัญญัติสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535 ระบุว่า โครงการขนาดใหญ่ใดๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทางเจ้าของโครงการจะต้องทำรายงาน อีไอเอ ให้กับเจ้าหน้าที่รัฐเป็นคนตรวจสอบว่า จะมีมาตรการในการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นอย่างไร หากอีไอเอไม่ผ่านหรือสอบตก การทำโครงการนั้นก็ยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ที่ผ่านมาการทำอีไอเอมักจะได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมให้กับเจ้าของโครงการมากกว่าเป็นเครื่องมือในการปกป้องคุ้มครองผู้ถูกกระทำ ชาวบ้าน หรือทรัพยากรธรรมชาติ
“ในขณะที่ประเทศไทยกำลังประสบปัญหาด้านการใช้การประเมินผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ ในต่างประเทศได้มีการพัฒนาระบบการทำงานในรูปแบบของ “HIA” หรือชื่อเต็มคือ Health Impact Assessment หรือ การประเมินผลกระทบทางสุขภาพ ซึ่งถือเป็นกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันในสังคมที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ทุกฝ่ายได้ร่วมกันพิจารณาถึงผลกระทบทางสุขภาพ โดยมีการประยุกต์ใช้แนวทางและเครื่องมือที่หลากหลายในการระบุ คาดการณ์ และพิจารณาถึงผลกระทบด้านสุขภาพที่อาจจะเกิดขึ้นหรือเกิดขึ้นแล้วกับประชาชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยการกระทำดังกล่าวอาจครอบคลุมตั้งแต่ระดับโครงการ ระดับแผนงาน หรือระดับนโยบาย และครอบคลุมถึงผลกระทบทางสุขภาพในทุกมิติและทุกระดับ” นพ.วิพุธ เล่า
นักวิชาการที่ทำงานด้านสุขภาพในประเทศไทยจึงได้ผลักดันเครื่องมือชนิดใหม่ที่เรียกว่า HIA ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ต่อมาในปี พ.ศ.2550 ประเทศไทยได้นำเสนอพัฒนาการของการประเมินผลกระทบทางสุขภาพภายใต้หลักปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” ในการประชุมการประเมินผลกระทบทางสุขภาพที่นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย โดยในงานนี้คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ได้มีมติรับเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมนานาชาติการประเมินผลกระทบทางสุขภาพระดับภาคพื้นเอเชียเป็นครั้งแรก
ด้วยเหตุนี้ คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ จึงร่วมกับ กรมอนามัย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มหาวิทยาลัยขอนแก่น คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มูลนิธินโยบายสุขภาวะ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดการประชุมนานาชาติ “การประเมินผลกระทบทางสุขภาพ ภาคีพื้นเอเชียแปซิฟิก พ.ศ.2551 (2008 Asia and Pacific Regional Conference on Health Impact Assessment) หรือ HIA 2008” ขึ้นเมื่อวันที่ 22-24 เมษายน 2552 ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติเอ็มเพรส จ.เชียงใหม่ โดยมีองค์กรและเครือข่ายด้านสุขภาพจาก 17 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา เวียดนาม ลาว มาเลเซีย ญี่ปุ่น อังกฤษ กัมพูชา บรูไน เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ มองโกเลีย จีน บังกลาเทศ และไทย จำนวนกว่า 250 คน ตบเท้าเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง
“HIA” มีกระบวนการทำงานอย่างไร?
การประเมินผลกระทบสุขภาพเป็นเครื่องมือใหม่ถูกพัฒนาขึ้นมา เพื่อให้เกิดกระบวนการที่ทุกคนในสังคม เข้ามามีส่วนร่วมในการตั้งคำถามและหาคำตอบ ในการจัดการกับความเสี่ยงต่อสุขภาพจากโครงการหรือนโยบายพัฒนาเครื่องมือนี้ ได้เป็นตัวชี้วัดว่า โครงการพัฒนาใดหรือนโยบายใดควรได้รับการอนุมัติให้เกิดขึ้นหรือไม่ เป้าหมายของการทำการประเมินผลกระทบสุขภาพอยู่ที่การมุ่งค้นหาว่านโยบาย หรือโครงการพัฒนาประเทศในรูปแบบต่าง ๆ จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม สังคม และสภาพแวดล้อมที่เป็นปัจจัยสำคัญต่อการมีสุขภาพที่ดีของประชาชนอย่างไร และถกเถียงถึงข้อดี ข้อเสีย รวมทั้งเสนอทางเลือกที่ดีที่สุดของการพัฒนาที่ต้องควบคู่ไปกับคุณภาพชีวิตประชาชน
การใช้เครื่องมือการประเมินผลกระทบสุขภาพ เป็นสิทธิที่ทุกคนสามารถใช้ได้ไม่ว่าจะเป็นผู้กำหนดนโยบาย ผู้พัฒนาโครงการ หรือประชาชนผู้อาจได้รับผลกระทบจากนโยบายหรือโครงการนั้น ๆ โดยสิทธินี้ได้รับการรับรองทั้งโดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 และ พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550
นพ.วิพุธ เล่าอีกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ แนวคิดในกระบวนการทำงานของ HIA ที่ว่า ประชาชนมีสิทธิที่จะร้องขอให้มีการทำ HIA ได้ และประชาชนเองจะต้องเป็นผู้ประเมินหลัก ไม่ใช่ปล่อยให้เจ้าของโครงการ เจ้าของนโยบาย นักวิชาการ หรือคนอื่นที่ไม่เคยรับรู้ถึงผลกระทบที่ชาวบ้านได้รับเข้ามาทำ HIA เพียงฝ่ายเดียว
“หากจะมีการสร้างโรงพยาบาลขึ้นมา 1 โรงพยาบาลนั้น จะต้องมีการทำ HIA ของโรงพยาบาลนั้นก่อน แต่ HIA ไม่ได้เป็นเครื่องมือว่าจะให้สร้างได้หรือสร้างไม่ได้ แต่ทำเพื่อให้เกิดข้อตระหนักว่าเมื่อสร้างโรงพยาบาลดังกล่าวแล้ว ในอนาคตจะมีผลกระทบอะไรเกิดขึ้นและจะเตรียมรับมือกับผลกระทบนั้นได้อย่างไร และเปิดโอกาสให้ทุกๆ ฝ่ายได้ร่วมคิดถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับโครงการที่จะเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต” นพ.วิพุธ เล่าพร้อมอธิบาย
สำหรับประเทศไทย ไม่เพียงบัญญัติการประเมินผลกระทบทางสุขภาพไว้ทั้งในรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติเท่านั้น เพราะในการเป็นเจ้าภาพการจัดประชุม HIA 2008 ในครั้งนี้ เป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยและประเทศในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกจะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางการใช้ HIA เป็นเครื่องมือในการเสนอทางออกของการพัฒนาที่เป็นธรรมและไม่ละเลยต่อสุขภาวะของประชาชน พร้อมทั้งจัดปาฐกถาพิเศษจากผู้ที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาการประเมินผลกระทบทางด้านสุขภาพในระดับนานาชาติ และยังจะมีการลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูน เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์การทำงานเกี่ยวกับการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพในพื้นที่อีกด้วย
โดย ดร.เดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานการพัฒนาระบบและกลไกการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการจัดการประชุมนานาชาติการประเมินผลกระทบทางสุขภาพภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก หรือ HIA 2008 เล่าว่า การจัดการประชุม HIA 2008 จะมุ่งเน้นการนำเสนอและแลกเปลี่ยน องค์ความรู้ และประสบการณ์การทำงานทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ เกี่ยวกับเทคนิค วิธีการ และกระบวนการประเมินผลกระทบทางด้านสุขภาพ รวมถึงการพัฒนาศักยภาพ และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือให้เกิดขึ้นในระดับนานาชาติต่อไป
“นอกจากนี้ยังได้นำเสนอกรณีศึกษา 5 กรณี คือ การพัฒนาเมืองกรณีศึกษาย่านวัดเกต การจัดการทรัพยากรน้ำในภาคเหนือ ผลกระทบทางสุขภาพต่อการพัฒนาอุตสาหกรรม ชุมชนเกษตรยั่งยืน และการสร้างเสริมการดูแลสุขภาพสำหรับแรงงานนอกระบบงานไม้แกะสลักบ้านถวาย ซึ่งอยู่ใน 5 พื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ และลำพูนที่มีความน่าสนใจต่อการผลักดันให้เกิดการพัฒนาหรือนโยบายสาธารณะ ที่จะมีผลต่อวิถีชีวิตของประชาชนในชุมชนเดิมได้คำนึงถึงผลกระทบต่อสุขภาพ โดยการนำกระบวนการ HIA มาใช้ ซึ่งคงต้องติดตามผลกันต่อไป” ดร.เดชรัต เล่าถึงกิจกรรมภายในงาน
ด้าน Mrs. Colleen Cameron Senior Program Staff Community Health & Development ตัวแทนจากประเทศแคนาดา เล่าว่า จากการทำงานด้านสุขภาพ พบว่า ปัญหาของแต่ละประเทศไม่แตกต่างกันมากนัก ไม่ว่าจะเป็นแคนาดา หรือประเทศไทย ก็มีปัญหาด้านความยากจนเหมือนกัน สิ่งนี้เป็นตัวบั่นทอนชีวิตความเป็นอยู่ของประชากร ซึ่งเป็นวิกฤตการณ์ที่ส่งผลกระทบถึงระบบการดูแลสุขภาพ หากเราได้นำเอากระบวนการประเมินผลกระทบทางสุขภาพลงไปช่วยเหลือ เชื่อว่า คนในชุมชนจะสามารถจัดการกับสุขภาวะของตนเองได้ และการร่วมแบ่งปันสิ่งที่แต่ละประเทศได้เรียนรู้ในการประชุมครั้งนี้ ย่อมจะส่งผลให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และเกิดผลดีในด้านการพัฒนาสุขภาพของประชากรของแต่ละประเทศต่อไป
ส่วน นางอุบลรัตน์ นำนาผล ครูชำนาญการพิเศษ ศูนย์การศึกษาพิเศษ จ.นครศรีธรรมราช อีกหนึ่งผู้เข้าร่วมประชุม บอกว่า การมาร่วมการประชุมในครั้งนี้ ทำให้เกิดความเข้าใจในกระบวนการของ HIA มากขึ้น ว่ามีจุดประสงค์อย่างไร เพราะที่ผ่านมา เข้าใจมาโดยตลอดว่า HIA เป็นเพียงแค่กระบวนการตรวจสอบการทำงาน ซึ่งในการทำงานของศูนย์การศึกษาพิเศษจะทำงานเกี่ยวกับการดูแลเด็กพิการ ครอบครัว ลงไปถึงการช่วยเหลือชุมชน หากอาศัยเครื่องมือการประเมินผลกระทบทางสุขภาพเข้ามาช่วย เชื่อว่า เรื่องต่อไปที่จะลงไปทำ น่าจะประสบผลสำเร็จและตรงกับความต้องการของผู้พิการ และคนในชุมชนมากขึ้นด้วย
เมื่อกระบวนการเรียนรู้และแสวงหาข้อเท็จจริงร่วมกันของคนในชุมชนได้เริ่มต้น และก้าวเดินต่อไปตามเส้นทางของ “HIA” เชื่อว่า จะสามารถบรรลุเป้าประสงค์ในการช่วยเหลือ และปกป้องสุขภาพของประชาชนได้ แต่สิ่งที่ดีที่สุดในการดูแลสุขภาพร่างกายของตนเอง นั่นคือ การดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอด้วยการออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนอย่างเพียงพอ เพียงเท่านี้คุณก็สามารถมีสุขภาวะที่ดีได้เช่นกันค่ะ…
ประมวลภาพกิจกรรมงาน HIA 2008
เรื่องโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์ Team content www.thaihealth.or.th
Update : 07-05-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์