Page 222 - แผนการดำเนินงาน สสส. ประจำปี 2561
P. 222








ปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นในสังคมไทยมีความสัมพันธ์กับความเป็นเมืองซึ่งเป็นหนึ่งในกระแสที่ส่งผล

ต่อการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คน ในปี ๒๕๖๐ ได้มีการคาดประมาณจ�านวนประชากรที่อาศัยในเขตเมือง
จ�านวน ๓๒,๕๒๓,๐๐๐ คน จากจ�านวนประชากรทั้งหมด ๖๖,๐๖๑,๐๐๐ คน หรือคิดเป็นร้อยละ ๔๙

ของประชากรทั้งประเทศ ดังนั้น วิถีชีวิต พฤติกรรม และปฏิสัมพันธ์ของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไปจาก
๑๓๓
สังคมชนบทกลายเป็นสังคมเมืองจะเกิดประเด็นท้าทายใหม่ครอบคลุมทั้งในมิติสาธารณสุข สิ่งแวดล้อม
การคมนาคม การศึกษา พลังงาน/สาธารณูปโภค ความปลอดภัย ยาเสพติด ฯลฯ ซึ่งหน่วยงานด้านสุขภาพ
220
ต้องมีการเตรียมการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงนี้ โดยเฉพาะการให้บริการด้านสาธารณสุข ที่ต้องสอดรับ
กับปัญหาสุขภาพในเขตเมือง ทั้งปัญหาเอชไอวี/เอดส์ วัณโรค ปอดบวม โรคอุจจาระร่วงรุนแรง

โรคไม่ติดต่อ เช่น หอบหืด โรคหัวใจ มะเร็ง โรคเบาหวาน การบาดเจ็บและความรุนแรง รวมถึงอันตราย
และการบาดเจ็บที่เกิดจากการจราจร การดูแลสุขภาพประชาชนในเขตเมืองจึงต้องมีระบบการดูแล
ที่มีประสิทธิภาพ และสามารถรองรับความต้องการของประชาชนสอดคล้องตามบริบท ควบคู่กับ

การพัฒนาความสามารถของประชาชนให้มีความสามารถในการดูแลสุขภาพตนเอง ครอบครัว และชุมชนได้
โดยการสร้างเสริมให้ประชาชนมีความรอบรู้ด้านสุขภาพ ซึ่งหมายถึง การเกิดกระบวนการทางปัญญา และ
ทักษะสังคมที่ก่อเกิดแรงจูงใจและความสามารถของปัจเจกบุคคลที่จะเข้าถึง เข้าใจและใช้ข้อมูลข่าวสาร

เพื่อน�าไปสู่การตัดสินใจที่เหมาะสม น�าไปสู่สุขภาวะ

ระบบบริการสุขภาพของประเทศไทยมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา โดยเน้น
การขยายการให้บริการให้ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ ของประเทศ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพ
แผนการดำาเนินงานประจำาปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
ที่จ�าเป็นได้อย่างทั่วถึง ทั้งการขยายบริการในระดับปฐมภูมิ และการให้บริการระดับโรงพยาบาลที่เป็นบริการ
ระดับทุติยภูมิ และตติยภูมิ โดยภาครัฐมีบทบาทส�าคัญในการขยายการให้บริการดังกล่าวร่วมกับการขยายตัว
๑๓๔
ของภาคเอกชน เมื่อเปรียบเทียบระบบบริการสุขภาพในแต่ละระดับ ระบบบริการปฐมภูมิเป็นบริการ
ด่านแรกที่อยู่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด เป็นกลไกและยุทธศาสตร์ส�าคัญในการพัฒนาระบบสาธารณสุข
ของประเทศเพื่อสร้างความเป็นธรรมในการเข้าถึงบริการสุขภาพที่จ�าเป็นของประชาชนอย่างต่อเนื่อง

และเป็นพื้นที่ส�าคัญในการด�าเนินการสร้างเสริมสุขภาพเพื่อให้ประชาชนมีสุขภาวะ ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้เห็นความส�าคัญของการพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิ โดยมาตรา ๒๕๘
ก�าหนดว่า “ให้มีระบบการแพทย์ปฐมภูมิที่มีแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวดูแลประชาชนในสัดส่วนที่เหมาะสม

คลินิกหมอครอบครัวที่ด�าเนินงานโดยทีมสหสาขาวิชาชีพ” ซึ่งในปัจจุบันการขับเคลื่อนคลินิกหมอครอบครัว
มีการด�าเนินการแล้ว ๕๙๖ ทีม ใน ๑๒ เขตสุขภาพ ครอบคลุม ๗๖ จังหวัด ดูแลประชากรจ�านวน
๑๓๕
๖,๒๘๗,๘๐๙ คน มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ครอบครัวจ�านวน ๗๐๐ คน และในปี ๒๕๖๑ กระทรวง
สาธารณสุขมีเป้าหมายจะให้บริการคลินิกหมอครอบครัว ๑๑๐ แห่ง และมีทีมหมอครอบครัว ๙๙๖ ทีม ๑๓๖

ในปัจจุบันมีการบริหารจัดการระบบบริการปฐมภูมิในลักษณะเครือข่ายที่เรียกว่าคือ “ระบบสุขภาพ
ระดับอ�าเภอ” (District Health System: DHS) ซึ่งเป็นกลไกในการประสานเครือข่ายระหว่างโรงพยาบาล









๑๓๓ สารประชากร สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล
๑๓๔ การสาธารณสุขไทย พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๘
๑๓๕ ส�านักงานสนับสนุนระบบปฐมภูมิและคลินิกหมอครอบครัว (สปค.) ส�านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
๑๓๖ เอกสารน�าเสนอของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร
   217   218   219   220   221   222   223   224   225   226   227