Page 167 - แผนการดำเนินงาน สสส. ประจำปี 2561
P. 167
๙
แผนส่งเสริมกิจกรรมทางกาย
สถานการณ์และแนวโน้ม
การมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ (physical inactivity) เป็นหนึ่งในสี่ปัจจัยเสี่ยงหลักด้าน
สุขภาพที่น�าไปสู่การเจ็บป่วยและสูญเสียชีวิตจากกลุ่มโรคไม่ติดต่อ (Non-communicable Diseases :
NCDs) ทั่วโลก ร่วมกับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ และอาหารที่ไม่เหมาะสมตามหลักโภชนาการ
โดยองค์การอนามัยโลกรายงานว่า ในปัจจุบันมีประชากรโลกเสียชีวิตจากการมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ
ราวปีละ ๓.๒ ล้านคน หรือประมาณร้อยละ ๕.๕ ของประชากรโลก และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้
ข้อมูลวิจัยในวารสารการแพทย์ Lancet ปี ค.ศ. ๒๐๑๖ ยังแสดงให้เห็นว่า มูลค่าทางเศรษฐกิจที่ทั่วโลกสูญเสีย
ผ่านค่ารักษาร่วมกับค่าเสียโอกาสเมื่อป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อในเฉพาะส่วนที่เป็นผลมาจากการขาด
กิจกรรมทางกายราว ๖๗,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี โดยในส่วนของประเทศไทยพบว่า การตายก่อน
วัยอันควรและการเจ็บป่วย-พิการของคนไทยคิดเป็นมูลค่าการสูญเสียมากถึง ๙.๓ แสนล้านบาท โดย
โรคไม่ติดต่อเป็นสาเหตุการเสียชีวิตราวร้อยละ ๗๓ ของประชากรทั้งหมด หากนับเฉพาะจากการขาด แผนการดำาเนินงานประจำาปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
กิจกรรมทางกายคิดมูลค่าการสูญเสียเป็นเงินราว ๕,๙๗๗ ล้านบาท และจากภาวะอ้วนและมีน�้าหนักเกิน
ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการขาดกิจกรรมทางกายควบคู่กับการบริโภคอาหารไม่เหมาะสม คิดเป็นเงินราว
๑๒,๑๔๒ ล้านบาท
การมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอนับว่ามีความส�าคัญอย่างยิ่ง ทั้งในมิติของการป้องกันโรคและ
การสร้างเสริมสุขภาพ เพราะการมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอในช่วงวัยเด็กสามารถส่งเสริมให้เกิดพัฒนาการ
แบบองค์รวม ทั้งด้านพุทธิพิสัย (ทางด้านสติปัญญา) จิตพิสัย (การเรียนรู้ทางด้านเจตคติ) และทักษะพิสัย 165
(การพัฒนาทักษะทางกาย) โดยผ่านการมีกิจกรรมทางกายแนะการเคลื่อนไหวเป็นประจ�า กล่าวโดยรวม
ได้ว่า การมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอในเด็ก สามารถช่วยให้เด็กมีพัฒนาการทางด้านสมองที่ส่งผลต่อ
การรับรู้ ความจ�า สมาธิ และมีความสัมพันธ์กับผลสัมฤทธิ์ด้านวิชาการ ส่งเสริมพัฒนาการด้านอารมณ์
ลดภาวะความเครียด คลายความวิตกกังวล ช่วยให้เกิดพัฒนาการด้านกระดูกและกล้ามเนื้อที่แข็งแรง
และสามารถลดความเสี่ยงในการเป็นโรคอ้วนและโรคไม่ติดต่อในอนาคต ส�าหรับการมีกิจกรรมทางกาย
ที่เพียงพอในผู้ใหญ่นั้น จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคไม่ติดต่อ ลดความเครียด เสริมสร้าง
แผนส่งเสริมกิจกรรมทางกาย
สถานการณ์และแนวโน้ม
การมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ (physical inactivity) เป็นหนึ่งในสี่ปัจจัยเสี่ยงหลักด้าน
สุขภาพที่น�าไปสู่การเจ็บป่วยและสูญเสียชีวิตจากกลุ่มโรคไม่ติดต่อ (Non-communicable Diseases :
NCDs) ทั่วโลก ร่วมกับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ และอาหารที่ไม่เหมาะสมตามหลักโภชนาการ
โดยองค์การอนามัยโลกรายงานว่า ในปัจจุบันมีประชากรโลกเสียชีวิตจากการมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ
ราวปีละ ๓.๒ ล้านคน หรือประมาณร้อยละ ๕.๕ ของประชากรโลก และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้
ข้อมูลวิจัยในวารสารการแพทย์ Lancet ปี ค.ศ. ๒๐๑๖ ยังแสดงให้เห็นว่า มูลค่าทางเศรษฐกิจที่ทั่วโลกสูญเสีย
ผ่านค่ารักษาร่วมกับค่าเสียโอกาสเมื่อป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อในเฉพาะส่วนที่เป็นผลมาจากการขาด
กิจกรรมทางกายราว ๖๗,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี โดยในส่วนของประเทศไทยพบว่า การตายก่อน
วัยอันควรและการเจ็บป่วย-พิการของคนไทยคิดเป็นมูลค่าการสูญเสียมากถึง ๙.๓ แสนล้านบาท โดย
โรคไม่ติดต่อเป็นสาเหตุการเสียชีวิตราวร้อยละ ๗๓ ของประชากรทั้งหมด หากนับเฉพาะจากการขาด แผนการดำาเนินงานประจำาปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
กิจกรรมทางกายคิดมูลค่าการสูญเสียเป็นเงินราว ๕,๙๗๗ ล้านบาท และจากภาวะอ้วนและมีน�้าหนักเกิน
ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการขาดกิจกรรมทางกายควบคู่กับการบริโภคอาหารไม่เหมาะสม คิดเป็นเงินราว
๑๒,๑๔๒ ล้านบาท
การมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอนับว่ามีความส�าคัญอย่างยิ่ง ทั้งในมิติของการป้องกันโรคและ
การสร้างเสริมสุขภาพ เพราะการมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอในช่วงวัยเด็กสามารถส่งเสริมให้เกิดพัฒนาการ
แบบองค์รวม ทั้งด้านพุทธิพิสัย (ทางด้านสติปัญญา) จิตพิสัย (การเรียนรู้ทางด้านเจตคติ) และทักษะพิสัย 165
(การพัฒนาทักษะทางกาย) โดยผ่านการมีกิจกรรมทางกายแนะการเคลื่อนไหวเป็นประจ�า กล่าวโดยรวม
ได้ว่า การมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอในเด็ก สามารถช่วยให้เด็กมีพัฒนาการทางด้านสมองที่ส่งผลต่อ
การรับรู้ ความจ�า สมาธิ และมีความสัมพันธ์กับผลสัมฤทธิ์ด้านวิชาการ ส่งเสริมพัฒนาการด้านอารมณ์
ลดภาวะความเครียด คลายความวิตกกังวล ช่วยให้เกิดพัฒนาการด้านกระดูกและกล้ามเนื้อที่แข็งแรง
และสามารถลดความเสี่ยงในการเป็นโรคอ้วนและโรคไม่ติดต่อในอนาคต ส�าหรับการมีกิจกรรมทางกาย
ที่เพียงพอในผู้ใหญ่นั้น จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคไม่ติดต่อ ลดความเครียด เสริมสร้าง