Page 169 - แผนการดำเนินงาน สสส. ประจำปี 2561
P. 169
ส�าหรับอุปสรรคส�าคัญที่ท�าให้ประชาชนไทยมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ และเด็กไทยมีน�้าหนัก
เกินและโรคอ้วนนั้น มาจากสาเหตุส�าคัญหลายประการ ทั้งการขาดนโยบายการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย
ที่บูรณาการความร่วมมือภาคส่วนต่างๆ ในระดับประเทศ การขาดแคลนพื้นที่ที่มีความเหมาะสมส�าหรับ
การมีกิจกรรมทางกายในวิถีชีวิต รวมไปถึงประชาชนยังคงขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกิจกรรม
ทางกาย ทัศนคติ ค่านิยม และพฤติกรรมการมีกิจกรรมทางกายที่ไม่เหมาะสมจากรูปแบบวิถีชีวิตในปัจจุบัน
ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมเนือยนิ่ง (sedentary behavior) ที่สูงในทุกช่วงวัย จากข้อมูลการส�ารวจตลอดระยะ
เวลา ๕ ปีที่ผ่านมาพบว่า คนไทยมีพฤติกรรมเนือยนิ่งมากกว่า ๑๓ ชั่วโมงต่อวัน โดยในปี ๒๕๕๙ คนไทยยังคง
มีพฤติกรรมเนือยนิ่งสูงถึง ๑๓:๒๕ ชั่วโมง โดยพฤติกรรมเนือยนิ่ง ๔ อันดับแรกของคนไทยที่ท�าติดต่อกันนาน
กว่า ๑ ชั่วโมงต่อครั้ง คือ นั่ง/นอนดูโทรทัศน์ (ร้อยละ ๕๗.๙) นั่งท�างาน/นั่งเรียน (ร้อยละ ๒๖.๙) นั่งเล่นเกม
โทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ (ร้อยละ ๑๗.๙) และนั่งคุย/นั่งประชุม (ร้อยละ ๑๖.๘)
เมื่อศึกษาในรายละเอียดพบว่า กลุ่มเด็กและกลุ่มวัยรุ่นมีพฤติกรรมอยู่หน้าจอ (screen time) อันได้แก่ การ
นั่งดูโทรทัศน์ ใช้คอมพิวเตอร์ เข้าร้านเกมส์ รวมถึงการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พกพาประเภทต่าง ๆ มากกว่า
กลุ่มอื่นๆ โดยเฉลี่ยแล้วใช้เวลาอยู่หน้าจอเพื่อความบันเทิงสะสม ๓:๐๙ ชั่วโมงต่อวัน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของสัดส่วนผู้ที่มีภาวะอ้วนและอ้วนลงพุง คือจาก
ร้อยละ ๒๘.๗ ในปี ๒๕๔๗ เป็นร้อยละ ๓๔.๗ ในปี ๒๕๕๗ ส�าหรับภาวะอ้วน นอกจากนี้ ฐานข้อมูลโดย
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ในปี ๒๕๕๙ พบว่า เด็กไทยอายุ ๕ - ๑๔ ปี มีภาวะเริ่มอ้วนและอ้วนที่
ร้อยละ ๑๓.๑
อย่างไรก็ตาม การส่งเสริมกิจกรรมทางกายให้กับประชาชน ไม่อาจประสบความส�าเร็จอย่างมี
ประสิทธิภาพ หากขาดการให้ความส�าคัญกับการปรับสภาพแวดล้อมที่ผู้คนอาศัยให้มีความสอดคล้อง
กับกิจวัตรตลอดช่วงวัน ได้แก่ การเดินทาง การท�างาน และการนันทนาการ เนื่องจากสิ่งแวดล้อมส่งผล
ต่อพฤติกรรมการมีกิจกรรมทางกายของประชากร โดยมีหลักฐานจากงานวิจัยจ�านวนมากที่แสดงให้เห็นความ
เชื่อมโยงของสิ่งแวดล้อมสรรค์สร้าง (built environment) ต่อการมีกิจกรรมทางกาย ตั้งแต่ในระดับเมือง
ไปจนถึงระดับสถานที่ ด้วยเหตุดังกล่าว องค์การอนามัยโลกจึงให้ความส�าคัญกับการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย แผนการดำาเนินงานประจำาปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
ควรคู่กับสิ่งแวดล้อมสรรค์สร้าง รวมไปถึงสนับสนุนแนวคิดเมืองน่าอยู่คือเมืองที่กระฉับกระเฉง (Healthy
City is an Active City) ในการนี้ แผนส่งเสริมกิจกรรมทางกาย จึงได้พัฒนายุทธศาสตร์กลุ่มแผนงาน
ส่งเสริมพื้นที่สุขภาวะที่เอื้อต่อกิจกรรมทางกาย โดยอาศัยความร่วมมือของ องค์กรภาครัฐ เอกชน สถาบัน
การศึกษา ภาคประชาสังคม และองค์กรชุมชนต่าง ๆ เป็นกลไกผลักดันให้เกิดพื้นที่สุขภาวะ ทั้งในระดับนโยบาย
สาธารณะและระดับปฏิบัติการในพื้นที่ระดับต่างๆ ด้วยกระบวนการการมีส่วนร่วมตามบทบาทที่เหมาะสม
และความเชี่ยวชาญของแต่ละองค์กร เพื่อให้พื้นที่เป้าหมายทั้งของภาครัฐและเอกชน สามารถยกระดับเป็น 167
พื้นที่ที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน เป็นพื้นที่ที่ส่งเสริมวิถีชีวิตที่กระฉับกระเฉง และเป็นพื้นที่
ทางสังคมของทุกกลุ่มคน ที่ส่งเสริมให้เกิดปฏิสัมพันธ์ทางสังคม จากการออกแบบและกระบวนการบริหาร
จัดการพื้นที่ รวมไปถึงสามารถพัฒนาเป็นต้นแบบที่มีความยั่งยืนและสามารถขยายผลได้
สสส. โดยแผนส่งเสริมกิจกรรมทางกาย มีเป้าหมายในการผลักดันให้ประชาชนมีกิจกรรมทางกายที่
เพียงพอด้วยกระบวนวิธีต่างๆ รวมไปถึงการมีบทบาทในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ส่งเสริมกิจกรรมทางกาย
ทั้งในระดับสากลและระดับชาติ ในฐานะที่ สสส. ได้ร่วมลงนามในกฎบัตรโตรอนโต ในปี ๒๕๕๓ และ
มีพันธกิจในการสนับสนุนการมีสุขภาวะดีด้วยการส่งเสริมกิจกรรมทางกายส�าหรับทุกคน โดยเน้นให้เกิด