Page 230 - บันทึกความจงรัก-02.indd
P. 230
ขณะที่ น.ส.ประภาพร นกนาก อายุ ๑๖ ปี พิการขาอ่อนแรงทั้งสองข้างตั้งแต่ก�าเนิด
กล่าวว่า ตอนที่ตนและครอบครัวทราบว่าพระองค์สวรรคต เสียใจกันมาก แม้ว่าตนจะไม่
เคยไปรับเสด็จ หรือเห็นพระองค์ทรงงาน แต่พ่อกับแม่จะบอกเสมอว่านี่คือพระเจ้าอยู่หัว
ของเรา พระองค์ทรงงานหนัก และท�าทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนมีชีวิตที่ดี พ่อกับแม่จะ
สอนเสมอให้ตนเป็นเด็กดี ช่วยเหลือผู้อื่นเท่าที่จะท�าได้
“พวกเรามาเข้าคิวสักการะพระบรมศพตั้งแต่เวลาเช้า ๖ โมงครึ่ง แม้จะรอนาน แต่
ไม่รู้สึกเหนื่อยหรือท้อ ถึงจะไม่ได้ขึ้นไปกราบสักการะพระบรมศพบนพระที่นั่งดุสิตมหา
ปราสาท แต่ได้กราบสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ด้านล่างก็ดีใจและภูมิใจมากแล้ว
เพราะในชีวิตนี้หนูไม่รู้จะทดแทนพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีต่อพวกเราชาวไทยได้
อย่างไร ได้แต่อธิษฐานขอให้พระองค์เสด็จสู่สวรรค์ ตั้งใจว่าจะเป็นลูกที่ดี เชื่อฟังพ่อแม่ และ
ช่วยพ่อแม่ท�างาน” ประภาพรกล่าวจากใจ
ทุกคนมีโอกาสได้เข้ากราบพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ ในพระบรมมหา-
ราชวัง ด้วยความร่วมแรงร่วมใจ ทั้งผู้ปกครอง และเจ้าหน้าที่ทุกคน ถือเป็นการท�าความดี
ถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่มอบโอกาสพิเศษนี้ให้กับผู้พิการได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนในฐานะ
ประชาชนของพระองค์สมดั่งตั้งใจ
ในการเดินทาง บางครั้งอุปสรรคก็ใช่ว่าจะเป็นเครื่องขัดขวางความส�าเร็จเสมอไป
แต่อาจหมายถึงเครื่องผลักดันให้เกิดก�าลังกายใจมุ่งหน้าเดินทางไปยังจุดมุ่งหมายได้เช่นกัน
ฉะนั้นไม่เป็นที่แปลกใจเลยว่าผู้พิการหลายราย หลายกลุ่ม ต่างมุ่งหน้าเดินทางด้วยระยะทาง
ไกลๆ อย่างนั้นได้อย่างไร ด้วยความจงรักภักดีที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา-
ภูมิพลอดุลยเดช อย่างเปี่ยมล้มหัวใจของพวกเขา เฉกเช่นหนุ่มพิการคนนี้
ด้วยระยะทางกว่า ๕๐๐ กิโลเมตร มิใช่อุปสรรคส�าหรับหนุ่มพิการคนหนึ่ง เมื่อเทียบ
กับสิ่งที่พ่อหลวงของเขาท�าให้ประชาชน นายธนวิน ปินะถา หรือ เพ็ชรน้อย หนุ่มพิการ
แต่ก�าเนิด วัย ๒๙ ปี มุ่งมั่นท�าความดีเพื่อพ่อหลวงเป็นครั้งสุดท้าย ใช้มือปั่นจักรยานคนพิการ
มากราบถวายสักการะเบื้องหน้าพระบรมโกศพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
ในพระบรมมหาราชวัง
230