74 โครงการมาบตาพุดรอด
เหลือ 2 โครงการ
เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา ศาลปกครองกลางมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตโครงการในพื้นที่มาบตาพุด จ.ระยอง ที่อยู่ในประกาศของภาครัฐเกี่ยวกับประเภทกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงจากทั้งหมด 76 โครงการ เหลือ 2 โครงการ ที่ศาลยังมีคำสั่งคุ้มครอง ทำให้โครงการส่วนใหญ่ในพื้นที่มาบตาพุดเดินหน้าลงทุนต่อไปได้
โดยนายชายน้อย เผื่อนโกสุม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.เออาร์ กล่าวว่า ส่วน 2 โครงการที่ศาลปกครองกลางยังมีคำสั่งคุ้มครองโดยไม่ได้ดำเนินการใดในขณะนี้ คือ โครงการผลิตเอทิลีนออกไซด์และเอทิลีนไกลคอน ส่วนขยายของบริษัท ทีโอซี ไกลคอน จำกัด ในเครือบริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือพีทีทีซีเอช และโครงการขยายกำลังการผลิตไวนิลคลอไรด์โมโนเมอร์ ของบริษัทไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือทีพีซี ซึ่งเป็นบริษัทในเครือพีทีทีเออาร์นั้น ทางบริษัทจะเร่งดำเนินการจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีเอไอ) และรายงานผลกระทบด้านสุขภาพ (เอชไอเอ) และกระบวนการอื่นๆ ตามกรอบรัฐธรรมนูญปี 2550 ให้แล้วเสร็จ ก่อนจะยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลางให้พิจารณาต่อไป
“ส่วนโครงการอื่นๆ ของ ปตท.ที่คำพิพากษาออกมาว่าให้เดินหน้าดำเนินกิจการต่อไปได้ ปตท.จะเดินหน้ายื่นขอใบอนุญาตก่อสร้างหรือขออนุญาตทดลองเดินเครื่องผลิต ก่อนหน้านี้ ปตท.มีโครงการลงทุนในมาบตาพุดที่ติดปัญหาอยู่ 25 โครงการ รวมมูลค่า 119,000 ล้านบาท”
นายสุทธิ อัชฌาชัย แกนนำเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก กล่าวว่า ขอน้อมรับคำสั่งศาลปกครอง แต่จะนำรายละเอียดไปหารืออีกครั้ง ก่อนยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด พร้อมจะยื่นขอเพิกถอนประกาศ 11 กิจการรุนแรงที่ ครม.ได้ประกาศเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ด้านนางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการกิจการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า คำพิพากษาที่ออกมานั้น ส่งผลให้การโรดโชว์ของบีโอไอในประเทศจีนและญี่ปุ่นในเดือน ก.ย.นี้ จะสามารถเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างชาติกลับคืนมาได้ โดยมั่นใจยอดรับบีโอไอปีนี้อยู่ที่ 500,000 ล้านบาทแน่
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
update : 03-09-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : สุนันทา สุขสุมิตร