6 วันปีใหม่ “ตาย” พุ่ง 309 ยโสธรยังเจ๋งไร้อุบัติเหตุ

สถิติคนเจ็บ ตาบ บนถนน

6 วันปีใหม่ “ตาย” พุ่ง 309 ยโสธรยังเจ๋งไร้อุบัติเหตุ 

          มท.1 ตั้งเป้าลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลลงร้อยละ 10 เตรียมถก กรมป้องกันฯหาทางรับมือ ส่วน 6 วันปีใหม่ยอดตายพุ่ง 309 ศพ ยโสธรยังเจ๋งไร้อุบัติเหตุ เผยคนไม่สวมหมวกกันน็อคลดวูบหลังรณรงค์หนัก

 

          เมื่อวันที่ 4 มกราคม ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แถลงสรุปยอดการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2553 “7 วันขับขี่ปลอดภัยเทิดไท้องค์ราชัน” ประจำวันที่ 3 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่ 6 ของการรณรงค์ ว่า วันที่ 3 มกราคม เกิดอุบัติเหตุ 358 ครั้ง ลดลงจากปี 2552 (388 ครั้ง) 30 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 7.73 ผู้เสียชีวิต 30 คน ลดลงจากปี 2552 (35 คน) 5 คน คิดเป็นร้อยละ 14.29 ผู้บาดเจ็บ 378 คน ลดลงจากปี 2552 (414 คน) 36 คน คิดเป็นร้อยละ 8.70 สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุดได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 26.54 รองลงมา ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 21.23 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 76.61 ส่วน ใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 57.54 บนทางหลวงแผ่นดิน ร้อยละ 36.59 ถนน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 30.45

 

          นายถาวรกล่าวว่าช่วงที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดได้แก่ กลางคืน ร้อยละ 62.57 โดยเฉพาะช่วงเวลา 16.01-20.00 น. เกิดอุบัติเหตุร้อยละ 29.61 ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยแรงงาน คือร้อยละ 51.47 จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ตรัง สุราษฎร์ธานี 13 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (กทม.) นครศรีธรรมราช 3 คน จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี 14 คน จังหวัดที่ไม่เกิดอุบัติเหตุ มี 11 จังหวัด จังหวัดที่ไม่มีผู้เสีย ชีวิตมี 54 จังหวัด จังหวัดที่ไม่มีผู้บาดเจ็บ มี 11 จังหวัด ทั้งนี้ มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 67,703 ราย คิดเป็นร้อยละ 9.59 ของการเรียกตรวจ โดยมีความผิดฐานไม่มีใบขับขี่มากที่สุด 21,288 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 20,704 ราย

 

          นายถาวรกล่าวต่อว่า เมื่อสรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 6 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2552-3 มกราคม 2553 เกิดอุบัตเหตุรวม 3,289 ครั้ง ลดลงจากปี 2552 (3,549 ครั้ง) 260 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 7.33 ผู้เสียชีวิตรวม 309 คน ลดลงจากปี 2552 (355 คน) 26 คน ร้อยละ 7.76 ผุ้บาดเจ็บรวม 3,563 คน ลดลงจากปี 2552 (3,810 คน) 247 คน คิดเป็นร้อยละ 6.48 จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 110 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ จันทบุรี เชียงใหม่ จังหวัดละ 11 คน จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสม สูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 128 คน จังหวัดที่ไม่เกิดอุบัติเหตุในช่วง 6 วัน ได้แก่ ยโสธร จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตในช่วง 6 วัน มี 7 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ นราธิวาส ปัตตานี ยโสธร สกลนคร สมุทรสาคร อ่างทอง จังหวัด ที่ไม่มีผู้บาดเจ็บในช่วง 6 วัน ได้แก่ ยโสธร

 

          นายถาวรกล่าวว่า จากสถิติ อุบัติเหตุทางถนนในช่วง 6 วัน พบว่าพฤติกรรมเสี่ยงจากการไม่สวมหมวกนิรภัยลดลงจากร้อยละ 52 เป็นร้อยละ 31 เพราะการส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัยของทุกภาคส่วนอย่างจริงจังอุบัติเหตุที่เกิดบนถนน อบต. หมู่บ้าน ลดลงร้อยละ 12  เพราะกระทรวงมหาดไทยใช้มาตราการทางสังคม กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชน หมู่บ้านมีส่วนร่วมในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ อุบัติเหตุรายใหญ่จากรถโดยสารสาธารณะลดลง เนื่องจากกระทรวงคมนาคมเน้นการดำเนินการตามนโยบายด้านมาตรฐานความปลอดภัยเกี่ยวกับรถโดยสารสาธารณะ การตรวจสอบความพร้อมของสภาพรถและพนักงานขับรถอย่างเข้มงวดทั้งที่สถานีขอส่งต้นทาง ปลายทาง และจุดตรวจ ต่างๆ

 

          ด้านนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า สถิติผู้เสียชีวิตในช่วงเทศกาลปีใหม่ถือว่าน่าพอใจ เพราะตัวเลข ลดลงมากกว่าที่ตั้งเป้าให้ลดร้อยละ 5 แต่ สามารถลดลงได้สูงถึงร้อยละ 7-8 แต่โดยส่วนตัวแล้วยังไม่พอใจ เพราะอยากให้ตัวเลขลดลงร้อยละ 10 ขึ้นไป ซึ่งจะมีการประชุมที่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อหาข้อบกพร่องอีกครั้ง

 

          นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 25 ธันวาคม 2552-3 มกราคม 2553 มีประชาชนร้องเรียนการให้บริการรถโดยสารสาธารณะ ผ่านศูนย์คุ้มครอง ผู้โดยสารฯ 1584 เฉพาะกิจ ณ กรมการขนส่งทางบก สถานีขนส่งผู้โดยสารทั้ง 3 แห่ง และ ทางโทรศัพท์หมายเลข 1584 จำนวน 512 ราย แบ่งเป็นรถโดยสารประจำทาง 224 ราย ส่วนรถแท็กซี่จำนวน 288 ราย ความผิดส่วน ใหญ่ ได้แก่ พนักงานขับรถโดยสารประมาทและไม่หยุดรับ-ส่งที่ป้าย รถแท็กซี่ปฎิเสธผู้โดยสารและแสดงกิริยาไม่สุภาพ มีลงโทษเปรียบเทียบปรับ ณ จุดตรวจ จำนวน 57 ราย ออกคำสั่งให้มาชำระค่าปรับ 37 ราย และอยู่ระหว่างเรียกตัวมาสอบสวนความผิดอีกกว่า 400 ราย

 

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

 

 

update: 05-01-53

อัพเดทเนื้อหาโดย:อภิชัย วรสิทธิ์ขจร

 

Shares:
QR Code :
QR Code