15 ล้านคันเปิดไฟหน้ารถลดอุบัติภัย
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
รณรงค์เปิดไฟหน้ารถ ทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อลดอุบัติเหตุ โหมรณรงค์ปีใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. สภาวิศวกรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงคมนาคม สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดตัว "โครงการเปิดไฟหน้ารถ ช่วยลดอุบัติภัย" ที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์กรุงเทพฯ เพื่อลดอุบัติเหตุทางรถยนต์ด้วยการเปิดไฟหน้ารถ และขอความร่วมมือผู้ผลิตรถยนต์ให้ติด DRL (Daytime Running Light) แถบหลอดไฟที่ออกแบบมาให้เปิดใช้ในตอนกลางวัน รวมทั้งผลักดันให้ออกกฎหมายบังคับใช้แก่ผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศไทยทุกคันตั้งแต่ปี 60 เนื่องจากประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเป็นอันดับ 3 ของโลกถึง 38.1 คนต่อประชากร 1 แสนคน รองจากประเทศเกาะนีอูเอและสาธารณรัฐโดมินิกัน และมีผู้เสียชีวิตเป็นอันดับ 1 ในเอเชีย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเปิดไฟหน้ารถเวลากลางวันจะช่วยลดอุบัติเหตุลง 30% เนื่องจากทำให้รถคันอื่นเห็นในทุกสภาพอากาศและเวลา ช่วยเพิ่มระยะการมองเห็นจาก 670 เมตร เป็น 1,400 เมตร ขณะที่ 50% ของอุบัติเหตุในเวลากลางวันเกิดจากคนขับมองไม่เห็นรถคันอื่น ทั้งนี้ปัจจุบันประเทศที่พัฒนาแล้วมีกฎหมายบังคับให้เปิดไฟหน้ารถรวม 9 ประเทศ อาทิ ฟินแลนด์ สวีเดน นอร์เวย์เดนมาร์ก อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ประเทศไทยมีการบังคับรถ จยย.ไปแล้วเมื่อปี 47 ทั้งนี้จำนวนรถจดทะเบียนสะสมทั่วประเทศ ณ วันที่ 31 ต.ค. 59 มี 37,268,655 คัน โดยรถ จยย.มากที่สุด 20,289,721 คัน ส่วนรถยนต์มีกว่า 15 ล้านคัน แยกเป็น รถเก๋ง 8,146,250 คัน รถปิกอัพ 6,259,806 คัน รถบรรทุก 1,049,749 คัน และรถโดยสาร 156,089 คัน
นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ. ) สสส. กล่าวว่า เบื้องต้นจะขอความร่วมมือผู้ใช้รถให้เปิดไฟหน้ารถก่อนเพื่อร่วมกันรณรงค์ช่วงเทศกาลเดินทางปีใหม่นี้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ยืนยันการเปิดไฟหน้ารถไม่เปลืองแบตเตอรี่ เนื่องจากกลไกขบวนการระหว่างการขับรถชาร์จไฟอยู่ตลอดเวลา อยากให้คนไทยปรับเปลี่ยนทัศนคติต่อผู้ที่เปิดไฟหน้ารถอย่าบีบแตรใส่เพราะการเปิดไฟหน้ารถเท่ากับช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน