10 ล้านเสียงคนรุ่นใหม่ รวมพลังเลือกตั้งครั้งสำคัญ
นับถอยหลังสู่การเลือกตั้งครั้งสำคัญ ช่วงนี้บรรดาพรรคการเมืองต่างๆ ต้องงัดกลยุทธ์ทุกอย่างที่มีออกมาหาเสียงเพื่อชิงความได้เปรียบ ทำให้อุณหภูมิทางการเมืองพุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย
ขณะเดียวกันทุกภาคส่วนในสังคมต่างออกมารณรงค์ให้ออกไปใช้สิทธิ์กันอย่างคึกคัก เพราะเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นตัวกำหนด “ทิศทาง” ของประเทศว่าจะไปทางไหนจะเดินไปข้างหน้า หรือว่าจะย่ำอยู่กับที่
อย่าง “คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่” จากมหาวิทยาลัยต่างๆ ก็ออกมาเคลื่อนไหวรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้การเลือกตั้งครั้งนี้ออกมาอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม และช่วยลดความ “ขัดแย้ง” ทางการเมืองที่ฝังรากลึกมานานลงได้
เริ่มที่ “คนหนุ่มสาวจากรั้วแม่โดม” มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปุ้ย นายธัญพงศ์ นิลสุวรรณ นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ปี 4 ในฐานะนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (นายก อมธ.) เล่าถึงกิจกรรมรณรงค์ในการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า นักศึกษาธรรมศาสตร์ทุกคน ต่างสนใจกับการเลือกตั้งที่จะมาถึง หลายคนอาจจะคิดว่าธรรมศาสตร์ไม่มีกิจกรรมทางการเมือง อาจทำให้นักศึกษาห่างหายไปหรือเปล่า จริงๆ แล้วนักศึกษาธรรมศาสตร์ยังคงทำกิจกรรมทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่คนภายนอกอาจจะไม่ทราบ
“เราเริ่มทำกิจกรรมรณรงค์เลือกตั้งมาตั้งแต่ปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่แล้ว วันรับน้องก็จะมีกิจกรรมรณรงค์ร่วมกับ กกต.ให้ไปใช้สิทธิ์ นอกจากนี้ ยังเปิดรับสมัครให้นักศึกษาธรรมศาสตร์ไปเป็นกรรมการประจำตามหน่วยเลือกตั้งล่วงหน้า และการเลือกตั้งใหญ่ วันที่ 3 ก.ค. ซึ่งก็มีคนสมัครล้นหลาม”
ธัญพงศ์ บอกต่อว่า มหาวิทยาลัยรณรงค์เรื่องเลือกตั้งมาอย่างต่อเนื่อง อย่างวันที่ 17 มิ.ย. นักศึกษาก็จัดกิจกรรมเดินขบวนประชาธิปไตย ให้ไปใช้สิทธิ์ เรียกร้องให้นักการเมืองทุกพรรคหาเสียงกันอย่างสุจริต โดยใช้สัญลักษณ์ “ลูกโป่ง” ซึ่งหมายถึง “ความโปร่งใส” ซึ่งก็ได้รับการตอบรับดีมีนักศึกษาเข้าร่วมจำนวนมาก และในวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก็มีกิจกรรมปาฐกถาพิเศษจากอธิการบดี มีกลุ่มผู้นำนักศึกษา องค์การนักศึกษา สภานักศึกษา และนักศึกษาแต่ละคณะมาแชร์ความคิดเห็นในเรื่อง “จิตสำนึกพลเมืองต่อประชาธิปไตย” เพื่อนำสิ่งที่ได้ไปต่อยอด
“วัยรุ่นยุคนี้สนใจการเมืองในระดับหนึ่ง อาจจะไม่มากถึงกับฟังข่าวสารทุกอย่างครบถ้วนและสามารถวิเคราะห์ได้ นักศึกษาทุกคนรู้ว่ามีการเลือกตั้ง ในฐานะที่เป็นเยาวชนเราต้องทำหน้าที่นี้ ผมคิดว่าเขารู้ ส่วนจะเลือกใครมันอยู่ที่การกลั่นกรองข้อมูลหรือนโยบายของแต่ละพรรค มันเป็นเรื่องของส่วนบุคคล เพราะข้อมูลเหล่านั้นต้องผ่านการขัดเกลาทางสังคม แต่ละคนก็มาจากสังคมที่แตกต่างกัน ไม่จำเป็นที่ทุกคนจะมีความคิดเห็นเหมือนกัน”
นายก อมธ. เล่าให้ฟังว่า นักศึกษาที่เข้ามาเรียนสถาบันแห่งนี้ จะมีจิตวิญญาณของธรรมศาสตร์ พอจะรู้จักประวัติมหาวิทยาลัยมาบ้าง ทุกคนก็จะรู้สิทธิ หน้าที่ คิดว่ามันอยู่ในจิตสำนึกของนักศึกษาธรรมศาสตร์ ว่าหน้าที่ของเราต้องไปใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่นักศึกษากลุ่มเดียวที่คาดหวังกับการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่คนทุกกลุ่มทั่วประเทศต้องการเห็นบ้านเมืองไปข้างหน้า หากการเลือกตั้งครั้งนี้มันถอยหลังเหมือนที่ผ่านๆ มา ก็อาจจะทำให้นักศึกษา และคนทั่วไปเบื่อหน่ายทางการเมืองมากขึ้น
ฟาก “รั้วจามจุรี” จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายอังกูร ไชยปรีชาวิทย์ หรือ ปอน นิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ ในฐานะนายกองค์การนักศึกษา บอกว่า มหาวิทยาลัยจะมีนโยบายให้นิสิตออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งให้มากที่สุด ที่ผ่านมามีการจัดกิจกรรมรณรงค์เลือกตั้งเหมือนหลายๆ แห่ง โดยจะให้นิสิตที่พักตามหอพักนักศึกษา ที่ส่วนใหญ่จะมาจากต่างจังหวัดลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต นอกจากนี้จะมีการปั่นจักรยานรอบๆ มหาวิทยาลัยเชิญชวนให้นิสิตออกมาใช้สิทธิ์
อังกูร บอกต่อว่า อย่างเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก็มีกิจกรรม “คนรุ่นใหม่หัวใจประชาธิปไตย” ที่ทำร่วมกับไทยทีวีสีช่อง 3 ซึ่งโครงการนี้ให้ความสำคัญในบทบาทของเยาวชนต่อกระบวนการมีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตย และต้องการสร้างเครือข่ายเยาวชนคนรุ่นใหม่ทั้งชายและหญิง ที่มีอายุระหว่าง 18-25 ปี ในฐานะผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกว่า 10 ล้านเสียงทั่วประเทศ และผู้ที่เพิ่งมีสิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรกอีกเกือบล้านเสียง โดยจะมีการร่วมมือกันกับสถาบันนำร่องจัดกิจกรรมขยายเครือข่ายไปยังกลุ่มเยาวชน ทั้งในสถาบันการศึกษา และกลุ่มองค์กรต่างๆ ทั้งในเมืองและภูมิภาค เพื่อร่วมรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจในระบอบประชาธิปไตย ร่วมสะท้อนปัญหาและมุมมองในด้านต่างๆ
“ที่สำคัญยังเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นของกลุ่มเยาวชนในแต่ละภาค เน้นเข้าถึงและเข้าใจง่าย เพื่อให้เกิดทัศนคติที่ดีในการเดินหน้าประชาธิปไตยที่ใสสะอาด ด้วยพลังของเยาวชน ซึ่งก็ได้รับการตอบรับดี และจะเดินหน้าขยายโครงการไปยังโรงเรียน ชุมชน สถาบันการศึกษา รวมถึงกลุ่มองค์กรเยาวชนต่างๆ ทั้งในเมืองและภูมิภาคอีกด้วย”
ปอน บอกอีกว่า นอกจากนี้ในวันที่ 25-26 มิ.ย. มีการเดินรณรงค์ประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งจากสยามไปถึงประตูน้ำ ส่วนวันที่ 28 มิ.ย. ก็มีการ “ดีเบต” ที่ถือว่าเป็นไฮไลต์สำคัญที่คณะรัฐศาสตร์จัดขึ้น เป็นการแสดงวิสัยทัศน์ระหว่างสองพรรคการเมืองสำคัญ คือ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย และในช่วงโค้งสุดท้าย วันที่ 1 ก.ค. นิสิตคณะรัฐศาสตร์ และนักศึกษาจากหลายมหาวิทยาลัย จะร่วมเดินรณรงค์ไปตามถนนพญาไทก่อนจะไปสิ้นสุดที่สยามสแควร์ โดยการรณรงค์จะเป็นการให้ความรู้เรื่องการเลือกตั้งที่ถูกต้องทำอย่างไร และการเลือกตั้งครั้งนี้มีกี่รูปแบบ
“เลือกตั้งครั้งนี้ ถือว่าเป็นครั้งสำคัญของประเทศไทย เยาวชนที่มีสิทธิ์ครั้งนี้มีกว่า 10 ล้านคน เป็นตัวเลขที่สำคัญ สามารถพลิกชะตาประเทศได้เลย บางคนที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยก็อาจจะเพิ่งมีสิทธิ์ครั้งแรก จึงต้องการมีส่วนร่วม เพราะรู้ว่าการเลือกตั้งสำคัญกับเขาอย่างไร คนที่ไม่สนใจการเมืองอาจคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่ที่ผ่านมาการทำกิจกรรมทางการเมืองอาจมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของเขา จึงทำให้นิสิตหลายคนตระหนักถึงการออกไปใช้สิทธิ์มากยิ่งขึ้น” อังกูร กล่าว
ในส่วนของสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ที่ทำกิจกรรมและแสดงความคิดเห็นด้านการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง ก็ร่วมทำกิจกรรมรณรงค์เลือกตั้งเช่นกัน
จู๋จี๋ น.ส.สุญญาตา เมี้ยนละม้าย อดีตนิสิตคณะนิเทศศาสตร์ จากรั้วจามจุรี และรักษาการโฆษก สนนท. บอกว่า การเลือกตั้งระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทยที่กำลังจะเกิดขึ้น มีความสำคัญอยู่ 2 ประการ ประการแรก เพราะเป็นขั้นตอนหนึ่งในกระบวนการประชาธิปไตย ที่แสดงออกถึงความคิดเห็นของประชาชนในการเลือกรัฐบาลมาบริหารประเทศ ประการต่อมา การเลือกตั้งเกิดขึ้นภายหลังเหตุการณ์ความรุนแรงในบ้านเมือง จึงเป็นจุดเปลี่ยน หรือจุดที่สื่อถึงอะไรบางอย่างได้
“ในส่วนของ สนนท. เราคุยกันว่าจะจัดทำคู่มือเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ภายในคู่มือจะอธิบายขั้นตอนต่างๆ เช่น เมื่อหยิบบัตรเลือกตั้งขึ้นมาขานคะแนน จะต้องโชว์ให้ประชาชนที่มาสังเกตการณ์เห็นอย่างชัดเจน เพื่อช่วยกันตรวจตราสอดส่อง ซึ่งข้อมูลนี้เป็นข้อมูลของกกต.ที่สนนท.นำมาเรียบเรียงใหม่ ให้อ่าน เข้าใจมากยิ่งขึ้น คาดว่าคงจะจัดทำเป็นกระดาษ A4 จำนวน 2 หน้า แจกจ่ายประชาชนตามสถานที่ต่างๆ ที่ สนนท.ไปทำกิจกรรม และอัพเดตข้อมูลลงเฟซบุ๊กของ สนนท.” สุญญาตาทิ้งท้าย
เห็นอย่างนี้แล้ว ใครว่าคนรุ่นใหม่ไม่สนใจการเมือง
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด