“ไทย”เจ้าภาพแรกในเอเชียเปิดเวทีถกปัญหาสุขภาพระดับโลก
นับวันโรคภัยไข้เจ็บดูจะมีพัฒนาการล้ำหน้าเทคโนโลยีทางการแพทย์มากขึ้นทุกขณะ อีกทั้งอาการป่วยไข้ก็เกิดขึ้นกับมนุษยชาติได้อย่างง่ายดาย ซึ่งอาจเป็นผลมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของมนุษย์ ที่ต้องสูดดมควันเสียจากมลภาวะที่เป็นพิษ กินอาหารขยะ (Junkfood) ห่างหายการออกกำลังกายและมุ่งเน้นความสะดวกสบายจนไม่ขยับเคลื่อนไหวเคยชิน จึงไม่น่าแปลกใจที่ตัวเลขที่ต้องจ่ายเกี่ยวกับด้านสุขภาพของไทยจะสูงถึง 4 แสนล้านบาทต่อปี
จึงเป็นเรื่องน่ายินดีที่เมื่อเร็วๆ นี้ ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ได้ร่วมลงนามกับ ดร.ไมเคิล สปาร์ก ประธานสมาพันธ์นานาชาติด้านการสร้างเสริมสุขภาพและการศึกษา (The International Union for Health Promotion and Education:IUHPE)ตกลงความร่วมมือให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนานาชาติด้านการสร้างเสริมสุขภาพ ครั้งที่ 21 (The 21st IUHPE World Conference on Health Promotion 2013) โดยกำหนดว่าจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-29 สิงหาคม 2556 ที่ศูนย์การประชุมและนิทรรศการพัทยา หรือ Pattaya Exhibition and Convention Hall (PEACH)พัทยา จ.ชลบุรี
ทพ.กฤษดา เปิดเผยว่า การที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)ได้รับความไว้วางใจให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนานาชาติด้านการสร้างเสริมสุขภาพ ครั้งที่ 21 ซึ่งการประชุมดังกล่าวจัดขึ้นทุกๆ 3 ปี หมุนเวียนไปยังทวีปต่างๆ นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของ สสส.และคนไทยทั้งประเทศ เพราะเป็นครั้งแรกที่การประชุมนานาชาติฯ จะถูกจัดขึ้นในทวีปเอเชีย
“การจัดงานประชุมครั้งนี้ จะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั้งระดับประเทศ และระดับโลก ซึ่งองค์กรสุขภาพชั้นนำของโลกให้ความสำคัญทั้งเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพ การป้องกันโรคไม่ติดต่อ การคำนึงถึงสุขภาพในการพัฒนานโยบายสาธารณะและการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ ซึ่งการให้ความสำคัญประเด็นดังกล่าว จะช่วยส่งเสริมให้ประชากรในประเทศ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และลดการสูญเสียค่าใช้จ่ายทางสุขภาพลงได้”ผู้จัดการ สสส.กล่าว
นอกเหนือจากนั้น ทพ.กฤษดา ยังบอกอีกว่า การจัดประชุมนานาชาติครั้งนี้ จะช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่พัทยาด้วย เพราะคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 3,000 คน อีกทั้ง สสส.และเมืองพัทยาจะร่วมกันพัฒนาพื้นที่เมืองพัทยาให้เป็นเมืองน่าอยู่ เพื่อแสดงให้ผู้เข้าร่วมประชุมเห็นต้นแบบการสร้างเมืองน่าอยู่ ที่จะพัฒนาไปเป็นประเทศน่าอยู่ในที่สุด
“ที่ผ่านมาเมื่อมีการประชุมแล้วจะมีการจัดทำสมุดปกขาวเพื่อนำข้อเสนอข้อมูลด้านสุขภาพ จากองค์กรต่างๆ รวมทั้งประสบการณ์ในการทำงานของประเทศต่างๆ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปศึกษา เพื่อจัดทำเป็นแนวทางการแก้ปัญหา ไม่เพียงแต่ประเทศไทยที่จะได้ประโยชน์จากการจัดงานประชุม แต่ประเทศในทวีปเอเชียก็จะได้หยิบยกเอาปัญหาด้านสุขภาวะที่เกิดขึ้นในแถบนี้มาหารือ เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหา หรือตระหนักถึงปัญหาร่วมกันในเวทีโลก ถือเป็นการสร้างโอกาสให้ประเทศในแถบเอเชียที่จะได้แลกเปลี่ยนปัญหาด้านสุขภาพร่วมกัน”ทพ.กฤษดากล่าว
ท.พ.กฤษดา บอกด้วยว่า นอกจาก สสส. แล้ว ยังมีการประสานให้หน่วยงานต่างๆ เข้าเป็นเจ้าภาพร่วมกัน ทั้งกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ และได้รับการสนับสนุนจาก International Network of Health Promotion Foundations(INHPF), World Health Organization’s South-East Asia Regional Office (WHO/SEARO) ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่ทุกฝ่ายได้มาร่วมกันทำงาน
ด้าน นายไมเคิล สปาร์ก ประธานสมาพันธ์นานาชาติด้านการสร้างเสริมสุขภาพและการศึกษา(IUHPE) กล่าวว่า ผลงานของ สสส.ไทยที่ผ่านมา ได้ทำงานด้านส่งเสริมสุขภาพจำนวนมาก ทำให้คนไทยมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของ เช่น ดื่มเหล้า สูบบุหรี่น้อยหลง นับเป็นความภาคภูมิใจของบคนไทย เพราะหลายประเทศใช้ สสส.เป็นตัวอย่างในการรณรงค์เพื่อสุขภาพ ซึ่งในการประชุมครั้งที่ผ่านมา ได้มีการนำเสนอหัวข้อเกี่ยวกับสุขภาวะที่เป็นประโยชน์หลายเรื่องด้วยกัน เช่น เรื่องระบบอาหาร มีการเสนอการจัดการปัญหาทั้งระบบเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ถือเป็นประโยชน์ที่ประเทศสมาชิกต่างนำไปใช้ได้ โดยจะมีการตีพิมพ์ผลงาน และสรุปรวบรวมการนำเสนอความรู้จากการประชุมไปยังหน่วยงานต่างๆ อีกด้วย
สุดท้าย ผู้จัดการ สสส.ฝากบอกว่า การเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมนานาชาติด้านการสร้างเสริมสุขภาพ ครั้งที่ 21 ใช่เพียงแต่ สสส.จะเป็นเจ้าภาพเท่านั้น หากแต่คนไทยทุกคนล้วนเป็นเจ้าภาพร่วมกัน
เรื่องโดย : คีตฌาณ์ ลอยเลิศ Team content www.thaihealth.or.th