ไทยชอบเสี่ยงโชค-ยอดพนันพุ่ง

คณะเศรษฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเผยผลการศึกษาวิจัยสถานการณ์ ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการเล่นพนัน โครงสร้างและปัญหาการพนัน โดยสำรวจช่วงปลายปี 2553 สุ่มเลือก 16 จังหวัดจากทั่วทุกภาค มีกลุ่มตัวอย่าง 5,042 ตัวอย่าง

พนัน

ผลการวิจัยพบมีหลายประเด็นที่น่าสนใจโดยในเรื่องประสบการณ์การเล่นพนัน ส่วนใหญ่ถึง 77.1% ตอบว่าเคยเล่น สัดส่วนผู้เล่นเป็นเพศชายสูงกว่าเพศหญิง และสัดส่วนคนเมืองสูงกว่าคนชนบท สำหรับผู้ที่เคยมีประสบการณ์เล่นพนันพบว่ายังคงเล่นพนันในรอบ 1 ปี ก่อนการสำรวจลดลงเหลือ 62.9% และเล่นการพนันในรอบ 6 เดือนก่อนการสำรวจลดลงเหลือ 60% และยังคงเล่นการพนันในขณะทำการสำรวจ 55.7%

 

ส่วนผู้ที่มีประสบการณ์การเล่นพนันครั้งแรกพบว่า 5 ประเภทแรกที่เล่นพนันคือ หวยใต้ดินรองลงมาคือ สลากกินแบ่งรัฐบาล ไพ่ พนันฟุตบอลและไฮโล ตามลำดับ เหตุผลในการเล่นพนันครั้งแรก5 อันดับแรกคือ ต้องการเสี่ยงโชค เพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน มีเพื่อนบ้านเล่นกันมากคิดว่ามีโอกาสชนะมาก และชอบเป็นการส่วนตัว

 

สำหรับผู้ที่เล่นการพนันช่วงการสำรวจเป็นช่วงอายุ 35-44 ปี มากที่สุด ประมาณ 7.6 ล้านคน รองลงมาเป็นช่วงอายุ 45-54 ปี ประมาณ6.6 ล้านคน และอายุ 55 ปีขึ้นไป ประมาณ 4.7 ล้านคน และการพนันที่ชอบเล่นมากที่สุดช่วงการสำรวจเพียงอย่างเดียวคือ ชอบหวยใต้ดิน ในจำนวนใกล้เคียงกันกับที่ชอบสลากกินแบ่งรัฐบาล

 

ขณะที่กลุ่มตัวอย่างที่คิดว่าตนเองติดพนันนั้นเพราะต้องเล่นประจำ ไม่ได้เล่นจะรู้สึกไม่เป็นสุขบางส่วนเล่นเป็นอาชีพเสริม เล่นแล้วได้เงิน และระบุว่าชอบเล่นการพนันมากพยายามจะแสวงหาโอกาสเล่นการพนันอยู่เสมอ

เมื่อถามถึงประสบการณ์การถูกลงโทษเกือบ 100% ของผู้เล่นการพนันไม่เคยถูกลงโทษเพราะการพนันที่เล่นกันค่อนข้างมากคือ สลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งถูกกฎหมาย และหวยใต้ดินที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สนใจจับกุมผู้เล่น ผู้ที่เคยถูกจับกุมและลงโทษจึงน่าจะเป็นผู้ที่เข้าบ่อนการพนัน

 

ด้าน ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ หนึ่งในผู้วิจัยเปิดเผยว่า ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีการพนันใหม่หลายประเภทที่เติบโตค่อนข้างมาก ได้แก่ การพนันออนไลน์ และการพนันประเภทกีฬาพื้นบ้านแต่เมื่อเปรียบเทียบกับมูลค่าการพนันทั้งหมดแล้วการพนันทั้ง 2 ประเภทยังมีสัดส่วนน้อย แต่การพนันที่มีการเติบโตมากกลับเป็นสลากกินแบ่งรัฐบาลซึ่งปี 2543 นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ได้สำรวจมูลค่าการเล่นพนัน พบมูลค่าสลากกินแบ่งรัฐบาลปี 2543 มีประมาณ 38,710 ล้านบาท

 

สำหรับการสำรวจปี 2553 พบมูลค่าเพิ่มเป็น 62,584 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 61.7%ทั้งนี้ เป็นเพราะได้มีการเพิ่มปริมาณสลากกินแบ่งฯซึ่งรวมสลากการกุศลด้วย ขณะเดียวกันราคาที่ประชาชนซื้อสูงกว่าเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมามาก โดยในปี 2543 ราคาสลากกินแบ่งฯ ราคาเฉลี่ยคู่ละ 90 บาทแต่ในปี 2553 ราคาเฉลี่ยเพิ่มเป็นคู่ละ 110 บาท

ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า

Shares:
QR Code :
QR Code