ใช้นักสืบออนไลน์เฝ้าระวังจัดสงกรานต์ปลอดภัย
เคลื่อน 44 จังหวัดจัดสงกรานต์ปลอดภัย ใช้นักสืบออนไลน์ร่วมเป็นขบวนการตาสับปะรดเฝ้าระวังคนฝ่าฝืน ร่วมสร้างวัฒนธรรมไทยกลับคืน
พูดถึงเทศกาลสงกรานต์เมื่อไหร่ เหล่าบรรดาคอเหล้าคงเตรียมเกาะขวดเมาแอ๋ พร้อมเมามันกับการปะแป้ง สาดน้ำเหล่าบรรดาสาวๆ ใส่สายเดี่ยว เสียวหลุดที่พร้อมใจแต่งมาให้หนุ่มๆ ได้เชยชมเป็นว่าเล่น แน่นอนว่าเจ้าตัวก่อปัญหาทะเลาะวิวาท เมาแล้วขับ เจ็บตายเกลื่อนถนนคงหนีไม่พ้น “น้ำเมา” ที่ถือเป็นเครื่องดื่มที่ทำให้คนเริงร่าในทุกเทศกาล และสงกรานต์ ก็คงเป็นอีกเทศกาลหนึ่งที่หนีไม่พ้น
ทางสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ และกลุ่มงานทุนอุปถัมภ์เชิงรุกเพื่อทดแทนธุรกิจแอลกอฮอล์ ด้านประเพณีวัฒนธรรมและการส่งเสริมนโยบายสาธารณะ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) ไม่นิ่งเฉย ร่วมจัด “วัฒนธรรมสร้างสุข สงกรานต์ปลอดภัย สนุกสุขใจไร้แอลกอฮอล์” เพื่อคืนวัฒนธรรมอันงดงามของไทยกลับมา เพราะยอดเหตุเสียชีวิต-บาดเจ็บ-พิการในทุกๆ ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นอย่างน่ากลัว โดย ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ รองผู้จัดการ สสส. เปิดเผยข้อมูลของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) ช่วงเทศกาลสงกรานต์รอบ 5 ปีที่ผ่านมา (2549-2553) พบว่ามีผู้เสียชีวิตไปเกือบ 2,000 คน และคาดว่าจะมีผู้พิการรายใหม่ 1,423 คน โดยข้อมูลจากสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ยืนยันว่าเทศกาลสงกรานต์ปี 2553 ผู้เสียชีวิตมากกว่าครึ่ง มีการดื่มสุราร่วมด้วย อย่างไรก็ตามผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายรวมไปถึงชุมชน เทศบาล อบต.ต้องประสานความร่วมมือกันเพื่อลดจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
ขณะที่นายวิษณุ ศรีทะวงศ์ ผู้จัดการแผนงานกลุ่มทุนอุปถัมภ์เชิงรุกเพื่อทดแทนธุรกิจแอลกอฮอล์ด้านประเพณีวัฒนธรรม เล่าให้ฟังถึงการประกาศพื้นที่รณรงค์เล่นน้ำปลอดภัย 60 พื้นที่ทั่วประเทศ กับถนนตระกูลข้าว 16 แห่งว่า มาตรการดังกล่าวถือเป็นมาตรการที่สำคัญที่จะช่วยลดอัตราการบาดเจ็บและเสียชีวิต ที่เป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) สสส.ร่วมกับภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ โดยปีนี้มีจังหวัดที่เข้าร่วมถึง 44 จังหวัด ใน 60 พื้นที่ทั่วประเทศ ที่ถือเป็นการจัดโซนนิ่งพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์อย่างปลอดภัย โดยไม่นำเอาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ถนนข้าวเหนียว จังหวัดขอนแก่น ซึ่งถือเป็นต้นแบบที่ดีในการจัดเป็นพื้นที่ปลอดภัย โดยในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา จากผลการเก็บข้อมูลของศูนย์แก้ไขปัญหาการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สคล.ภาคอีสานตอนบน ที่ทำการเก็บข้อมูลของประชาชนที่มาเล่นน้ำในถนนข้าวเหนียวพบว่า เด็กเยาวชนมีแนวโน้มการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลดลงจากร้อยละ 43.8 ในปี 2547 เป็นร้อยละ 9.5 ในปี 2553 ส่วนที่ถนนข้าวสุก จังหวัดอ่างทอง ก็มีการสำรวจพบว่าสามารถลดจำนวนผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิตและเหตุทะเลาะวิวาทในพื้นที่เล่นน้ำลงได้ร้อยละ 100
แต่คงมีคำถามตามมาว่า แล้วเราจะเชื่อได้อย่างไรว่าพื้นที่เล่นน้ำนั้นปลอดภัย ปลอดเหล้าได้จริง?
นายวิษณุกล่าวว่า ในแต่ละพื้นที่จะมีอาสาสมัครสอดส่องดูแลความเรียบร้อย ทำงานเป็นขบวนการตาสับปะรด ที่เป็นเด็กและเยาวชนระดับมัธยมศึกษาถึงระดับปริญญาตรี เป็นนักสืบออนไลน์กว่า 2,000 คนเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง หากพบเห็นมีการนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปยังพื้นที่สามารถถ่ายภาพแล้วอัพผ่าน Social media facebook twitter ได้ทันที โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และอุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่สามารถเอาผิดหรือดำเนินคดีได้กับผู้ฝ่าฝืน
ด้านนายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) กล่าวว่า สคอ. เสนอมาตรการเสริมคือ 1.ปรับบทบาทของหน่วยบริการที่จุดตรวจเมาไม่ขับทั่วประเทศผ่านศูนย์อำนวยความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) เน้นทำงานเชิงรุก เฝ้าระวังจุดเสี่ยงบนท้องถนน และเฝ้าระวังร้านค้าใกล้เคียงกับจุดตรวจเมาไม่ขับ ที่ลักลอบจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะจำหน่ายให้กับเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี 2.ประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ให้จุดตรวจเมาไม่ขับทั่วประเทศ กวดขันผู้ขับขี่ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี ว่ามีอาการมึน เมา หรือไม่ หากพบให้ซักประวัติว่า ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากร้านใด หรือดื่มจากร้านใด เพื่อขยายผลการจับกุม
เห็นอย่างนี้แล้ว เชื่อว่าคนจำนวนไม่น้อยคงเลือกที่จะไปเล่นน้ำสงกรานต์ในพื้นที่สงกรานต์ปลอดภัยนะคะ อย่างน้อยก็สบายใจได้ว่ามาตรการที่ทุกภาคส่วนร่วมขับเคลื่อนนั้น ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้เล่นน้ำไม่ต้องอกสั่นขวัญแขวนไปกับภัยต่างๆ ที่เกิดขึ้น เล่นน้ำปีนี้ ขอให้เลือกพื้นที่สงกรานต์ปลอดภัย ปลอดเหล้า ร่วมคืนวัฒนธรรมดีงามกลับมาค่ะ
เรื่องโดย : สุนันทา สุขสุมิตร Team content www.thaihealth.or.th