โลกที่ไม่พิการของคนพิการ
คุณค่าในตัวตนที่ไม่ด้อยกว่าใคร
นับแต่อดีตกาลที่ผ่านมา คนพิการในสายตาและความรู้สึกของคนปกติ จะถูกมองไปว่า เป็น คนมีกรรม ที่เกิดมาไม่สมประกอบเหมือนคนปกติทั่วไป และมีชีวิตที่ดำรงอยู่ ด้วยวิถีชีวิตที่มีคุณภาพชีวิต ที่ไม่เหมือนกับคนทั่วไป โอกาสต่างๆที่คนพิการจะได้รับจึง ด้อยกว่า คนปกติไปด้วย
ปัจจุบัน คนพิการหลายคนพิสูจน์ให้คนปกติได้เห็นแล้วว่า พวกเขา มีความพิการแต่เฉพาะทางร่างกายเท่านั้น จิตใจ และมันสมองมิได้พิการไปด้วย
คุณค่าของคนพิการในยุคนี้จึงมีปรากฏให้คนปกติได้เห็นอย่างสม่ำเสมอ ว่า คุณภาพชีวิตของพวกเขา ไม่แตกต่างไปกว่าคนปกติเลย แถมบางคนยังมีอัจฉริยภาพมากกว่าคนปกติด้วยซ้ำไป
จึงไม่น่าแปลกที่จะได้เห็น คนพิการ ยืนอยู่บนแท่นแห่งเกียรติยศ เช่นเดียวกับคนปกติทั่วๆไปในทุกวงการ
ในแวดวงการศึกษา คนพิการ สามารถก้าวขึ้นสู่ สุดยอดแห่งมันสมองอัจฉริยะได้เช่นเดียวกับคนปกติทั่วๆไป และ พวกเขาเหล่านี้สามารถถ่ายทอดความรู้ความสามารถที่เขามีอยู่ไปสู่ลูกหลานในสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังจะเห็นได้จาก ศาสตราจารย์ ผู้ช่วย ศาตราจารย์ ครู ตั้งแต่ระดับ ปริญญาตรีไปจนถึงระดับปริญญาเอก
ในแวดวงกีฬา คนพิการหลายคนก้าวขึ้นไปสู่ ความเป็น แชมเปี้ยนระดับโลก ที่ ทั่วโลกให้การยอมรับอย่างไม่มีข้อกังขา
ในแวดวงศิลปะ-ดนตรี คนพิการมากมายกลายเป็นอัจฉริยะทางดนตรี กลายเป็นอัจฉริยะทางจิตรกรรม และ กลายเป็นอัจฉริยะทางประติมากรรม
รวมความแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในแวดวงใดๆ ทุกวันนี้โลกของคนพิการ มิได้พิการไปตามสภาพร่างกายของพวกเขาแล้ว
ยิ่งได้รับการส่งเสริม และสนับสนุน ทั้งจากภาครัฐ และเอกชน ทำให้ โลกของคนพิการยิ่งสดใสมากขึ้น จนเกือบจะทำให้ คำว่า “ความพิการคือปมด้อย”หายไปจาก โลกของคนพิการแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ ในความรู้สึกของคนดั้งเดิมที่มองว่า คนพิการเป็นปัญหาของสังคมจึงหมดสิ้นลงไป เพราะคนพิการไม่ได้เป็นตัวปัญหาของสังคมอีกต่อไปแล้ว แต่คนพิการสามารถช่วยเหลือ และส่งเสริมให้สังคมดีขึ้นได้เช่นเดียวกับคนปกติโดยทั่วไป
สังคมไทยวันนี้ ในบริบทแห่ง การงาน อาชีพ คนพิการ มีโอกาสได้เข้าไปร่วมทำงานกับคนปกติโดยทั่วไป ในบริบทแห่งการเรียนรู้ คนพิการก็มีโอกาสเพื่อการเรียนมากขึ้น
โอกาสของคนพิการที่เคยขาดมาตั้งแต่อดีต ค่อยๆเปิดกว้างขึ้น เมื่อคนในสังคมยอมรับถึงความรู้ ความสามารถของคนพิการ
โลกของคนพิการในปัจจุบันจึงเป็นโลกเดียวกับคนปกติ ที่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างไม่มีช่องว่างมากนัก
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็มิได้หมายความว่า คนพิการจะสามารถยืนอยู่บนขาของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากคนปกติ
ดังนั้นจึงได้เกิด มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย ขึ้นเมื่อ วันที่ 14 ธันวาคม 2542 โดย ฯพณฯ บรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น ได้ผลักดันให้ดำเนินการก่อตั้งมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทยขึ้นเพื่อให้ดำเนินงาน สืบสานเจตนารมณ์ที่จะให้คนพิการไทย ได้รับการพัฒนาแบบยั่งยืน และมั่นคงตลอดไป โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมความมีโอกาสอันเท่าเทียมของคนพิการในสังคม และการเข้าไปมีส่วนร่วมของคนพิการในสังคม และสนับสนุนการพัฒนาคนพิการอย่างยั่งยืน ด้วยการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการด้านการแพทย์ การศึกษา อาชีพ กีฬา นันทนาการ วัฒนธรรม และสังคม ตลอดรวมไปถึงส่งเสริมงานด้านข้อมูลข่าวสาร และงานด้านวิชาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคนพิการดำเนินการเพื่อสาธารณประโยชน์ หรือร่วมมือกับองค์กรการกุศลอื่นๆ เพื่อสาธารณประโยชน์ ให้บริการให้คำปรึกษาแนะแนว แก่คนพิการ และผู้เกี่ยวข้องกับคนพิการ ทั้งที่สำนักงานมูลนิธิฯ ทางโทรศัพท์ ทางไปรษณีย์ เยี่ยมบ้าน และบริการอื่นๆ ตามความเหมาะสม
โลกของคนพิการในยุคนี้จึงดูสดใส ที่ ทำให้ จิตและวิญญาณของคนพิการเกิดความสุขมากขึ้น ซึ่งนับเป็นนิมิตรหมายอันดีสำหรับมวลมนุษยชาติที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขตลอดไป
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
Update 25-02-53
อัพเดทเนื้อหาโดย: ณัฏฐ์ ตุ้มภู่