โฆษณาอาหารเด็ก “สารแฝง” ที่ผู้ใหญ่ ไม่ควรมองข้าม
เป็นที่ทราบกันดีว่า สารที่ส่งผ่าน “สื่อ” แต่ละสื่อ ย่อมมีผลกระทบกับสังคมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ฉะนั้นการสร้างสื่อดีอย่างสร้างสรรค์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงเสมอมา
เมื่อไม่นานมานี้ มีเดีย มอนิเตอร์ ร่วมกับ แผนงานวิจัยนโยบายอาหารและโภชนาการเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ แผนงานเครือข่ายควบคุมโรคไม่ติด สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว ม.มหิดล สถาบันสื่อเด็กและเยาวชน (สสย.) สถานีวิทยุจุฬา จัดเสวนาเรื่อง “โฆษณาอาหารในรายการโทรทัศน์สำหรับเด็ก ให้ข้อมูล? คุณค่า? หรือพิษภัย? ขึ้น ณ ห้องประชุมจุมภฏ-พันธุ์ทิพย์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชวนสังคมทบทวนถึงสารแฝงที่มาพร้อมกับโฆษณาอาหารสำหรับเด็ก พร้อมเร่งหามาตรการป้องกันการเผยแพร่โฆษณาอาหารที่ผิดกฎหมาย
ดร.เอื้อจิต วิโรจน์ไตรรัตน์ ผู้อำนวยการโครงการมีเดียมอนิเตอร์ ให้ข้อมูลว่า โฆษณาอาหารและเครื่องดื่มในรายการสำหรับเด็ก ทางฟรีทีวี 4 ช่อง ร้อยละ 94 เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่างทางโภชนาการไม่เหมาะสม เน้นเรื่องรสชาติอาหาร และส่งเสริมให้บริโภคเกินความจำเป็น อีกทั้งยังใช้พรีเซนเตอร์ที่เป็นดารา คนดัง ตัวการ์ตูนยอดนิยม และภาพอาหารที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าความเป็นจริง มาโน้มน้าวส่งเสริมให้เด็กๆ เกิดความต้องการบริโภค ดังนั้น การหาหรือตั้งกฏกติกามาควบคุมการโฆษณาอาหารที่มีรูปแบบและเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมกับเด็ก จึงเป็นสิ่งที่ต้องเร่งทำ
ด้าน นงนุช ใจชื่น นักวิชาการแผนงานวิจัยนโยบายอาหารและโภชนาการ เพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ มูลนิธิเพื่อการพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ แนะนำถึงเนื้อหาโฆษณาอาหารสำหรับเด็กที่เหมาะสมไว้ดังนี้
1.ควรมีข้อกำหนด กฎเกณฑ์ หรือข้อห้ามในการใช้นักแสดง ดารา ทั้งที่เป็นเด็กและผู้ใหญ่ รวมทั้งนักกีฬา ตัวการ์ตูน และบุคคลที่มีชื่อเสียง มาแสดงแบบในการโฆษณาอาหารและเครื่องดื่มที่มีคุณค่าทางโภชนาการไม่เหมาะสมต่อสุขภาพ
2.รายการโทรทัศน์สำหรับเด็ก ควรมีข้อกำหนดการโฆษณา มิให้ใช้เทคนิคกราฟฟิกทำให้ขนาด ปริมาณ และสิ่งเลียนแบบสินค้า (Mock up) ดูใหญ่หรือมีปริมาณมากเกินจริง โดยควรกำหนดให้สิ่งเลียนแบบสินค้าในโฆษณา เป็นตามขนาดจริงของสินค้า
3.ควรมีข้อกำหนดหรือขอบเขตของการโฆษณาที่ชัดเจน ว่ามิให้มีการโฆษณาแฝง ในรายการที่มีเรต ป+3 ด+3 น13+ และรายการเรต ท ที่ออกอากาศในช่วงเวลาสำหรับเด็กและเยาวชน
4.ไม่ควรมีเนื้อหาที่เกี่ยวกับการส่งเสริมให้บริโภคที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ไม่ถูกหลักโภชนาการ หรือบริโภคมากเกินความจำเป็น รวมถึงการเสนอเนื้อหาที่ทำให้เด็ก หรือผู้ปกครองรู้สึกผิดหวัง รู้สึกด้อยกว่าคนอื่นเมื่อไม่ได้ซื้อ/ใช้สินค้า/ บริการนั้นๆ แม้กระทั่งนำเสนอเนื้อหาให้เด็กหรือผู้ปกครองรู้สึกเหนือกว่า ฉลาดกว่า เป็นที่รักมากกว่า มั่นใจมากกว่าคนอื่นๆ เมื่อได้ซื้อ/ใช้สินค้า/บริการนั้นๆ
5.ไม่ควรใช้คำในลักษณะ “เท่านั้น” / “เพียงแค่” ในการระบุราคา เพื่อจูงใจหรือเร่งรัดให้ซื้อ หรือมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมกับเด็ก เป็นต้น
ทั้งหมดนี้ เพื่อส่งเสริมและสร้างองค์ประกอบให้เด็กและเยาวชนไทยรู้ทัน “สื่อโฆษณา” โดยหน่วยงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรผนึกกำลังเข้ามาร่วมดูแลและแก้ไขสิ่ง “ไม่เหมาะสม” ให้ “เหมาะสม” เพื่อเด็กไทยในวันนี้ จะได้มีเติบใหญ่ มีสุขภาพแข็งแรงทั้งกายใจ
เรื่องโดย : ชัชวรรณ ปัญญาพยัตจาติ Team Content www.thaihealth.or.th