เปิดใจเรือจ้าง สอนศิษย์ในโลกมืด

วันครู 16 มกราคม วันนี้มีไว้เพื่อให้ลูกศิษย์น้อมรำลึกถึงพระคุณครู ซึ่งนอกจากครูของตนเองแล้ว ยังมีครูอีกท่านที่น่ายกย่องชื่นชม โดยสัมภาษณ์เปิดใจ “ครูสอนนักเรียนผู้พิการทางสายตา” อย่าง “ครูแมว-นางปิยะพร ศรีพลาวงษ์”

ครูแมว เป็นครูชำนาญการพิเศษ สาขาวิทยาศาสตร์ ข้าราชการบำนาญ โรงเรียนธรรมิกวิทยา ในอดีตเริ่มต้นสอนตั้งแต่ปี พ.ศ.2516 ที่โรงเรียนสอนเด็กธรรมดา ปัจจุบันหลังจากเกษียณในปี พ.ศ.2551 ได้มาสอนที่โรงเรียนสอนคนตาบอด ธรรมิกวิทยา ซึ่งเริ่มแรกครูแมวได้เข้ามาทำงานวิจัย จากนั้นมีโอกาสเข้ามาสอน โดยสอนในวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ให้กับนักเรียนชั้นอนุบาล-ประถมศึกษา หากให้เปรียบเทียบการสอนระหว่างนักเรียนตาดีกับตาบอด ครูแมวตอบว่า ไม่แตกต่างกันในเรื่องของวิชาการ แต่แตกต่างกันที่เทคนิค ส่วนสิ่งที่เหมือนกันคือ การสอนต้องให้น่าสนใจและให้เด็กได้สนุกกับการเรียนรู้ ในท้ายชั่วโมง เด็กจะต้องตอบได้ว่าวันนี้เราได้อะไรจากการเรียน

“เด็กตาบอด แตกต่างจากเด็กตาดี ตรงที่พวกเขาจะมีความกระตือรือร้น อยากเรียน อยากรู้ อยากทำ และมีจินตนาการที่มากกว่า เพียงแต่มองไม่เห็น พวกเขาสามารถเรียนรู้ได้ทุกอย่าง เพราะสมองยังทำงานดีอยู่ เวลาเรียนเด็กๆ จะไม่เอะอะโวยวาย เพราะพวกเขามีใจที่อยากจะเรียนรู้ การที่พวกเขามองไม่เห็น เราต้องเน้นการสอนที่ใช้ประสาทสัมผัสส่วนอื่นแทน เช่น การได้ยิน การสัมผัส ซึ่งพวกเขาทำได้ดี แทบไม่แตกต่างจากเด็กตาดี และในบางครั้งสิ่งที่พวกเขาทำกลับมา มีคุณค่ามากกว่าที่คนธรรมดาทำด้วยซ้ำ” ครูแมว กล่าว

ครูแมว ยังบอกอีกว่า เด็กตาบอดมีความใสซื่อที่มาจากข้างในไม่ใช่แววตา เริ่มแรกที่มาสอนก็คิดเหมือนกันว่า จะได้สักแค่ไหน แต่พอเราทำไป จนเกิดเป็นความสุขที่ได้อยู่กับเด็กๆ เป็นความประทับใจที่ได้มีโอกาสมาสอนให้เขาได้รู้จักคุณค่าในตนเอง และไม่เพียงแต่สอนในเรื่องวิชาการ ครูแมวจะสอดแทรกคุณธรรมให้กับเด็กๆ เสมอ โดย 3 อย่างที่ครูแมวจะเน้น คือ “อย่าโอ้อวดตน” เพราะเราเป็นคนตาบอด “อยากจะทำสิ่งใดให้ลงมือทำเอง” เพราะจะเป็นการพิสูจน์ตนให้คนอื่นเห็น และ “อย่าอยากได้อยากมีในสิ่งไม่จำเป็น” นอกจากนี้ยังต้องกตัญญูต่อผู้ให้ มีความรักให้กับเพื่อนด้วยกัน

ปัจจุบัน ครูแมวมีความสุขกับการเป็นผู้ให้ จากการสอนหนังสือเด็กๆ ตาบอด และยังไม่คิดที่จะเลิกสอน

หากอยากสัมผัสความรู้สึก ผู้ให้ ในฐานะ ครู การรับงานอาสาสมัครสอนเด็กตาบอด ก็เป็นอีกทางหนึ่ง ตัวอย่างเช่น “นพดล ปัญญาวุฒิไกร” ประธานกลุ่มอาสาเพื่อคนตาบอด กลุ่มที่ดำเนินกิจกรรมสอนเด็กตาบอดถ่ายภาพในนามกลุ่ม PICT4ALL เผยว่า แม้คนตาบอดจะไม่สามารถมองเห็น แต่ก็สามารถถ่ายภาพได้ สำหรับการสอน ต้องลืมทฤษฏีถ่ายภาพไปก่อน จากเดิมที่เรายึดกล้องถ่ายภาพเป็นศูนย์กลาง เปลี่ยนเป็นหันมายึดผู้ถ่าย(เด็กตาบอด) เป็นศูนย์กลาง เด็กบางคนมีความพิการซ้ำซ้อน บางคนมีสภาวะจิตใจที่ไม่แข็งแรง ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ กล้ามเนื้ออ่อนแรง ต้องลดเทคนิคต่างๆ ลง แล้วปรับให้เหมาะสม โดยเราต้องเคารพความเป็นตัวเขา

ขั้นตอนการสอนจะแนะนำให้รู้จักการทำงานของกล้อง สอนให้ใช้กล้อง เช่น การเปิด-ปิดกล้อง การชาร์จแบต เป็นต้น เพื่อให้ทราบระบบการทำงาน จากนั้นจึงจะมาเริ่มสอนเรื่องของเทคนิคการถ่ายภาพ โดยเราจะใช้วิธีการนับก้าวเดิน โดยยึดตัวเขาเป็นหลัก เช่น จะถ่ายวัตถุในระยะ 1 เมตร ก็จะต้องดูว่าจะก้าว-ถอย กี่ก้าว เดินตรงไหม ซึ่งแต่ละคนนั้นจะมีก้าวที่ต่างกัน และปรับวิธีการเดินต่างกันไป ตรงนี้ต้องอาศัยการฝึกฝน ผลงานจากที่เคยพบ มีเด็กตาบอด สามารถถ่ายภาพพระพุทธชินราช ที่เขื่อนป่าสัก ขนาด 23ม. โดยถ่ายภาพออกมาได้สวยงามเต็มองค์ และภาพถ่ายรถบัส ที่สามารถถ่ายออกมาได้เต็มคันพอดี สำหรับผู้ที่มีความสามารถเรื่องการถ่ายภาพและสนใจจะเป็นอาสาสมัครสอนคนตาบอดถ่ายภาพ ติดตามข้อมูลได้ที่www.pict4all.com

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

Shares:
QR Code :
QR Code