เปปไทด์ต้าน’เหงือกอักเสบ’
ทำลายเชื้อก่อโรคปริทันต์ได้ถึง 2 สายพันธุ์
นักวิจัยคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ประสบความสำเร็จสังเคราะห์เปปไทด์ที่สามารถต้านเชื้อโรคปริทันต์ได้ 2 สายพันธุ์จดสิทธิบัตรแล้ว อนาคตพัฒนายาต้านโรคปริทันต์ของคนไทยลดนำเข้า
รศ.ดร.ธีระพล ศรีชนะ ภาควิชาเทคโนโลยีเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และคณะ ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากฝ่ายวิชาการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)ประสบความสำเร็จในการผลิตสารชีวสังเคราะห์ในกลุ่มเปปไทด์หรือโปรตีนเพื่อใช้ในการรักษาโรคปริทันต์ ซึ่งเป็นปัญหาหลักด้านสุขภาพช่องปากของประเทศไทยและจดสิทธิบัตร “เปปไทด์ที่มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียก่อโรคปริทันต์” เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ โรคปริทันต์หรือที่เรียกว่าโรคเหงือกอักเสบหรือรำมะนาดมีความสำคัญมากขึ้น เนื่องจากพบว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคหลอดเลือดและหัวใจ มีสาเหตุหลักมาจากการติดเชื้อแบคทีเรียก่อโรคปริทันต์ ซึ่งทำให้มีอาการเหงือกอักเสบและอาจรุนแรงถึงขั้นทำลายเนื้อเยื่อรอบรากฟัน เหงือก เคลือบรากฟัน และกระดูกเบ้าฟัน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของการสูญเสียฟันในประชากรทั่วไป
รศ.ดร.ธีระพลกล่าวว่า การรักษาโรคปริทันต์จำเป็นต้องใช้ยาต้านจุลชีพร่วมกับการขูดหินปูนและเกลารากฟัน แต่มีปัญหาดื้อยาเพิ่มขึ้น และเสี่ยงติดเชื้อฉวยโอกาสจากเชื้อรากลุ่มแคนดิดาหากใช้ยานานหรือยาบางกลุ่มอาจทำให้เชื้อที่เป็นสาเหตุฟันผุเจริญเติบโต จึงมีการพัฒนายาใหม่ๆเพิ่มเพื่อต้านการดื้อยา ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคปริทันต์เพิ่มสูงขึ้น
ดังนั้น เพื่อลดงบประมาณในการรักษาและการใส่ฟันทดแทน จึงต้องค้นหาสารต้าน จุลชีพใหม่ๆและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในประเทศ จากนั้นได้วิจัยสังเคราะห์เปปไทด์เลียนแบบเปปไทด์แบคเทอริโอซินที่จุลินทรีย์ชนิดดีหรือโปรไบโอติกหลั่งออกมาเพื่อต้านการเจริญเติบโตของจุลชีพที่อยู่ร่วมกัน และศึกษาพบในเวลาต่อมาว่า เปปไทด์สังเคราะห์บริสุทธิ์ที่ผลิตขึ้นมีฤทธิ์ทำลายเชื้อก่อโรคปริทันต์ได้ถึง 2 สายพันธุ์ โดยออกฤทธิ์ทำลายผนังเซลล์ทำให้เซลล์แบคทีเรียก่อโรคไม่สามารถแบ่งตัวได้สำเร็จ และมีการรั่วไหลของอิออนส่งผลให้เซลล์ตาย แม้ยังต้องศึกษาเพิ่มเติมถึงกลไกทำลายเชื้อดังกล่าวความเป็นพิษต่อเม็ดเลือดแดงหรือเซลล์ที่เกี่ยวข้องในร่างกาย แต่อนาคตอาจพัฒนายาต้านโรคปริทันต์ที่มีประสิทธิภาพเป็นของคนไทยเอง ช่วยลดการนำเข้าได้
ที่มา: หนังสือพิมพ์โลกวันนี้
update: 26-08-53
อัพเดตเนื้อหาโดย: คมสัน ไชยองค์การ