เที่ยวลอยกระทงอย่างไร? ให้สนุก ปลอดภัย ไร้แอลกอฮอล์ ลดโลกร้อน

เน้นหนึ่งครอบครัว หนึ่งกระทง หวังลดปริมาณขยะ

 

เที่ยวลอยกระทงอย่างไร? ให้สนุก ปลอดภัย ไร้แอลกอฮอล์ ลดโลกร้อน

ลอยๆ กระทง ลอยๆ กระทง ลอยกระทงกันแล้ว ขอเชิญน้องแก้วออกมารำวง   

 

 เสียงเพลงรื่นเริง สัญญาณแห่งประเพณีที่สำคัญของไทยอีกหนึ่งประเพณี นั่นคือประเพณีลอยกระทง วันเพ็ญเดือนสิบสองที่ทุกคนทุกบ้านของไทยต่างรู้จักกันดี และถือเป็นประเพณีที่ทำสืบทอดกันมาสืบนานเท่านานแล้ว เพื่อขอขมาแม่น้ำหรือเจ้าแม่คงคา….!!!

 

          แต่ที่เราทราบกันดีว่าทุกวันนี้ ประเพณีการลอยกระทงเป็นตัวการสำคัญตัวการหนึ่งที่ทำให้สภาพแวดล้อมของประเทศเสื่อมโทรมลง เมื่อเรามองย้อนไปอีกด้าน เบื้องหลังความสุข สนุกสนาน คุณรู้หรือไม่ว่า คุณกำลังทำลายธรรมชาติ ทำลายสภาพแวดล้อม ด้วยน้ำมือของคุณเอง เพราะกระทงที่ทำมาจากโฟม พลาสติก หรือวัสดุที่ไม่ย่อยสลาย กำลังทำลายชีวิตคุณ ถึงแม้หลังจากวันแห่งความสนุก รื่นเริง ผ่านพ้นไป หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อกำจัด ไอ้เจ้ากระทงที่กลายเป็นขยะกองโต ที่ลอยอยู่บนผิวน้ำแล้วก็ตาม แต่ที่หลายๆ คนลืมนึกถึงคือ วิธีการกำจัดมัน โดยทั่วไปแล้วอาจจะนำไปฝังบ้างหรือเผาบ้าง และนั่นคือตัวการร้ายที่ทำร้ายธรรมชาติตัวจริง

 

          หลายหน่วยงานได้เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว รวมทั้งสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่ควรรีบดำเนินการแก้ไข จึงได้มีการสนับสนุนให้มีโครงการ หนึ่งครอบครัว หนึ่งกระทง ขึ้น  อย่างน้อย ก็หวังลดจำนวนกระทงที่จะกลายเป็นขยะในวันรุ่งขึ้นลงได้จำนวนหนึ่ง

 

          โดย นพ.บรรลุ ศิริพานิช กรรมการบริหารแผนเปิดรับทั่วไป สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ประเพณีลอยกระทงนี้ เป็นประเพณีที่สืบทอดกันเป็นเวลายาวนาน ซึ่งในอดีต เรามีคนอยู่เพียงไม่กี่คน ในขณะที่ปัจจุบันเรามีประชากรเพิ่มมากขึ้น ปริมาณของกระทงก็ต้องเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ขณะที่แม่น้ำยังอยู่เท่าเดิม จึงส่งผลให้แม่น้ำลำคลองเน่าเสีย อีกทั้งยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ผู้คนเริ่มหันมาใช้กระทงที่ทำจากโฟม มีกลีบกระทงที่ทำจากกระดาษสีต่างๆ อัดเป็นจีบสวยงาม เนื่องจากน้ำหนักเบา หาง่าย และราคาไม่แพง

 

          และนั่นก็คือปัญหา!!! เพราะมันกำจัดยากแถมเป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมาหลายฝ่ายจึงได้หันมารณรงค์การใช้กระทงจากวัสดุธรรมชาติมากขึ้น แม้ผลการเก็บกระทงของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในปีที่ผ่านมา จะเป็นที่น่ายินดี ว่ามีกระทงที่ทำจากโฟมลดลงไปมาก แต่ก็ยังคงมีการใช้อยู่ถึง 182,322 ใบทีเดียว แม้จะยังไม่มีงานวิจัยเรื่องเวลาของการย่อยสลายที่แน่ชัด แต่ก็ประเมินได้ว่าโฟมที่นำมาใช้ในการทำฐานกระทงขนาดทั่วไปเพียง 1 กระทงนั้น ต้องใช้เวลาในการย่อยสลายไม่ต่ำกว่า 50 ปีทีเดียว

 

          ในวันลอยกระทงนี้ นอกจากแสงจากเปลวเทียนที่ส่องสว่างแล้ว บนท้องฟ้าก็ยังสะพรั่งไปด้วย ดอกไม้ไฟ ที่ดูเหมือนจะขาดไม่ได้สำหรับเทศกาลนี้ แต่ในความสวยงามนั้นก็แฝงไปด้วยภัยอันตราย ซึ่งที่ผ่านมาทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีกฎหมายบังคับทั้งห้ามผลิต ห้ามขายและห้ามเล่น แต่ก็ยังคงพบว่ามีผู้ประสบอุบัติเหตุจากพลุ หรือดอกไม้ไฟอยู่ในทุกปี ซึ่งในปีที่ผ่านๆ มาพบว่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเกือบครึ่ง มีอายุต่ำกว่า 15 ปี และเป็นนักเรียน นักศึกษา

 

          ล่าสุด พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ออกมาประกาศด้วยท่าทีที่ดูขึงขังเอาจริงเอาจัง ว่าจะลงโทษกับพวกมือบอนที่ชอบฝ่าฝืนเล่นดอกไม้ไฟ จุดพลุเสียงดัง และแสงไฟกระเด็นกระจายไปโดนเหล่าบรรดาประชาชนที่แห่แหนกันออกมาลอยกระทง โดยกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้มงวดปราบปรามจับกุมผู้ผลิต ผู้จำหน่ายดอกไม้เพลิง พลุ ประทัด ประทัดยักษ์   ซึ่งประทัดยักษ์นี้ ส่วนใหญ่มีการดัดแปลงนำท่อพีวีซีมาเป็นปลอกประทัดแล้วอัดดินปืนเข้าไป เมื่อจุดจะมีอาณุภาพรุนแรงเสียงดังมาก และหากนำไปผูกติดกับขวดแก้ว เมื่อจุดจะมีสะเก็ดระเบิดเกิดขึ้น เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต เป็นกรณีพิเศษ  หากพบผู้ฝ่าฝืนจะจับ-ปรับถึง 1,000 บาททันที

 

          และนอกจากนี้ ยังอยากให้มีการเข้มงวด ตรวจตราไปถึงการดูแลสถานที่ลับตา ทั้งสวนสาธารณะ ตรอก ซอกซอยต่างๆ เป็นพิเศษ เพื่อป้องกันวัยรุ่นหนุ่มสาวที่แอบแฝงใช้เป็นที่พลอดรัก หรือกระทำความผิดทางเพศ เพราะจากสถิติที่ผ่านมาพบว่า ช่วงเทศกาลลอยกระทงเป็นช่วงที่วัยรุ่นนิยมมีเพศสัมพันธ์กันมาก นับเป็นเรื่องที่น่ากังวลไม่น้อยสำหรับสังคมไทย

 

          แต่นี้ยังไม่หมด !!! นอกจากนี้ ในวันที่มีงานรื่นเริง ตามพฤติกรรมของคนไทยเรานั้น สิ่งที่ดูเหมือนจะขาดไม่ได้นั่นคือ การตั้งวงดื่มเหล้าสังสรรค์กัน และอันตรายที่อาจเกิดตามมานั่นคืออุบัติเหตุที่เกิดจากอาการเมา ส่งผลให้เกิดการสูญเสียทั้งร่างกายและทรัพย์สินตามมาได้ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าต่างขานรับต่อการประกาศใช้ พ.ร.บ.ควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปี 2551 โดยลอยกระทงปีนี้ ลอยกระทงสร้างสุข สุขใจ ปลอดภัย ไร้แอลกอฮอลล์ โดยจะเข้มงวดดำเนินการควบคุมสถานที่จำหน่าย และการนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาดื่มในพื้นที่สาธารณะต่างๆ เพื่อหวังลดจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจากการดื่มสุรา

 

          และที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ นั่นคือเรื่องการจมน้ำ การสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น จากการสำรวจของศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ที่ผ่านมาพบว่า เด็กไทยตายจากการจมน้ำปีละกว่า 1,400–1,500 คน ซึ่งในแต่ละปีของวันลอยกระทงจะมีเด็กจมน้ำประมาณ 5 คนต่อปี มากกว่าค่าเฉลี่ยตลอดปีร้อยละ 20 แต่ในวันรุ่งขึ้นของวันลอยกระทงจะมีการตายจากการจมน้ำ 8 คน หรือเป็นสองเท่าของค่าเฉลี่ยการตายจากการจมน้ำในเด็กตลอดปี

 

          และที่น่าตกใจ พบว่าในวันรุ่งขึ้นของวันลอยกระทงจะมีเด็กอยู่กลุ่มหนึ่งที่มักชอบเก็บเศษเงินในกระทง ซึ่งเด็กเหล่านี้จะมีโอกาสพลัดตกในน้ำและเสียชีวิตได้ พ่อแม่ต้องระวัง และเตือนเด็กให้มีความตระหนักและหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น หากเป็นไปได้อย่าปล่อยให้เด็กว่ายน้ำหรืออยู่ไกลจากการดูแลดีที่สุด

 

          อย่าปล่อยให้ เทศกาลแห่งความสุข ต้องมาเป็นเทศกาลแห่งการสูญเสีย!! ลด ละ เลิกเหล้า ไม่ประมาท ไม่ไร้สติ ใส่ใจในธรรมชาติ เที่ยวสนุกสนานอย่างมีสำนึก และที่สำคัญต้องใส่ใจในความปลอดภัยไว้เป็นอันดับหนึ่ง เพราะไม่เช่นนั้น เราอาจจะเจอกับความสูญเสียที่คาดไม่ถึงได้…

 

 

 

 

 

ที่มา : ณัฐภัทร  ตุ้มภู่ Team Content www.thaihealth.or.th

 

 

Update : 12-11-51

อัพเดทเนื้อหาโดย : ณัฐภัทร  ตุ้มภู่

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code