เตือนพิษเผายางทำหอบหืดกำเริบ
แพทย์แนะผู้ป่วยป้องกันเบื้องต้น
สมาคมภูมิแพ้ฯ เผยเผายาง ทำให้ระคายเคือง แสบตาแสบจมูก เน้นกลุ่มเสี่ยงหอบหืด ถุงลมโป่งพอง ระวังอาการกำเริบ แนะใช้ผ้าชุบน้ำปิดปากปิดจมูก ป้องกันเบื้องต้น
ผศ.พญ.อรพรรณ โพชนกุล เลขานุการสมาคมโรคภูมิแพ้ โรคหืด และวิทยาภูมิคุ้มกันแห่งประเทศไทย กล่าวถึงสภาพอากาศจากกรณีการเผายางของกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อบดบังทัศนวิสัยของเจ้าหน้าที่ ว่า การเผายางจะก่อให้เกิดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ ปอดอักเสบ ระบบทางเดินหายใจติดเชื้อ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยโรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพองจะทำให้อาการกำเริบยิ่งขึ้น ซึ่งถือว่าอันตรายและเสี่ยงเสียชีวิตได้ในกรณีที่รักษาไม่ทัน แต่ในคนทั่วไปจะมีอาการเพียงไอ จาม แสบหูแสบตา นอกจากนี้ ยังมีก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ เป็นก๊าซที่จับตัวกับเม็ดเลือดแดงได้ดีมาก ซึ่งลดความสามารถของเลือดในการเป็นตัวนำออกซิเจนจากปอดไปยังเนื้อเยื่อ ทำให้ปวดศีรษะรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย และหมดสติได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความไวในการรับของแต่ละบุคคล
ผศ.พญ.อรพรรณ กล่าวอีกว่า จริงๆ แล้วก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ไม่ค่อยส่งผลกระทบมากนัก เนื่องจากเป็นก๊าซที่มีน้ำหนักเบา เมื่อถูกอากาศจะลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ หากไม่ได้รับโดยตรงจะไม่ส่งผลเท่าไร แต่จะส่งผลกระทบในระยะยาวมากว่า เนื่องจากก๊าซนี้เมื่อลอยสู่ชั้นบรรยากาศจะไปทำลายชั้นบรรยากาศ เป็นสาเหตุของการเกิดก๊าซเรือนกระจก นอกจากก๊าซ 2 ตัวยังมีฝุ่นละอองขนาดใหญ่ ที่ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจเช่นกัน ทำให้การทำงานของปอดเสื่อมประสิทธิภาพลง หลอดลมอักเสบ และยังเป็นตัวกระตุ้นการเกิดหอบหืดถุงลมโป่งพอง
“แม้เขม่าควันจะไม่ส่งผลถึงแก่ชีวิตมากนัก แต่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของมนุษย์แน่นอน โดยเฉพาะผู้แพ้อากาศ ซึ่งปัจจุบันตัวเลขผู้ที่มีภาวะแพ้อากาศ และโพรงจมูกอักเสบ อยู่ที่ประมาณร้อยละ 40-50 ขณะที่โรคหอบหืดพบร้อยละ 10-15 ส่วนใหญ่เป็นในเด็ก ส่วนผู้ใหญ่จะเป็นโรคถุงลมโป่งพองมากกว่า สิ่งสำคัญต้องรู้จักดูแลตัวเอง และหลีกเลี่ยงตัวกระตุ้นให้เกิดภูมิแพ้ อย่างกรณีการเผายางในกลุ่มผู้ชุมนุม หากต้องเผชิญกับเหตุการณ์ควรหาผ้าชุบน้ำปิดปากปิดจมูก เพื่อใช้ป้องกันเบื้องต้นไปก่อน” ผศ.พญ.อรพรรณ กล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์ astv ผู้จัดการ
update:18-05-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่