เตรียมพร้อม…รองรับผู้สูงวัยในยุคดิจิตอล

ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีการสื่อสารที่ทันสมัยได้นำเราเข้าสู่สังคมดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบ มีอุปกรณ์เครื่องมือไฮเทคที่คอยอำนวยความสะดวกให้ชีวิตของเราเร็วขึ้น ง่ายขึ้น และสะดวกสบายยิ่งขึ้น ไม่เว้นแม้แต่การพัฒนาทางวิทยาศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุข ที่ทำให้เรามีสุขภาพอนามัย การรักษาพยาบาลที่ดี ส่งผลให้ประชากรมีอายุยืนขึ้น


ในขณะที่อัตราการเกิดลดลง แต่สัดส่วนของผู้สูงอายุกลับเพิ่มขึ้น ดังนั้นการจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในยุคดิจิตอลนั้น จำเป็นจะต้องมีการเตรียมความพร้อม เพราะการดูแลผู้สูงอายุไม่ใช่แค่มิติด้านสุขภาพหรือคุณภาพชีวิตเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงเรื่องของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย


เตรียมพร้อม...รองรับผู้สูงวัยในยุคดิจิตอล thaihealth


เครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ สำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สำนัก 3) ภายใต้สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีความพยายามอย่างต่อเนื่องในการพัฒนา "ระบบการดูแลผู้สูงอายุโดยใช้พื้นที่เป็นตัวตั้ง" ร่วมกับภาคีเครือข่ายทั่วประเทศเมื่อเร็วๆ นี้จึงได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาแนวทางการดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาวะชุมชน โดยประสานความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) 371 แห่งใน 59 จังหวัด เตรียมลุยงานสร้างเสริมสุขภาวะชุมชนอย่างครบวงจรทั้ง 6 ประเด็น ได้แก่ ชุมชนปลอดเหล้าและลดอุบัติเหตุจราจร, เกษตรกรรมเพื่ออาหารชุมชน, ชุมชนปลอดบุหรี่, การจัดการขยะและมลพิษ, การพัฒนาสุขภาวะเด็กและเยาวชน และประเด็นสำคัญ ได้แก่ การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุ


เตรียมพร้อม...รองรับผู้สูงวัยในยุคดิจิตอล thaihealth


นางสาวดวงพร เฮงบุณยพันธ์ ผู้อำนวยการสำนัก 3 สสส. กล่าวว่า การทำงานสร้างเสริมสุขภาวะชุมชนนั้น เน้นการใช้พื้นที่เป็นตัวตั้ง และเอากลุ่มประชากรเป็นตัวเคลื่อน เพราะฉะนั้น เมื่อเราทำเรื่องผู้สูงอายุอย่างจริงจัง ระบบการดูแลผู้สูงอายุจะเป็นตัวขับเคลื่อนสุขภาวะชุมชนในประเด็นอื่นๆ เอง ยกตัวอย่างเช่น การส่งเสริมเยาวชนให้เป็นยุวจิตอาสาที่จะเข้าไปดูแลผู้สูงอายุในพื้นที่ เป็นต้น


"ขณะนี้เราได้ร่วมมือกับ อปท.ที่มีความพร้อมและมีความเข้มแข็งพอที่จะกลับไปสร้างเครือข่ายของตนเอง หรือเรียกว่าศูนย์ประสานงานเครือข่าย (เฉพาะประเด็น) โดย 1 ศูนย์จะมีเครือข่าย 20 พื้นที่ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเติมเต็มข้อมูลซึ่งกันและกัน ซึ่งเราคิดภายใน 2 ปี เราจะมีระบบการดูแลผู้สูงอายุในระดับตำบลที่ดูแลตัวเองได้ และเราสามารถที่จะทำข้อเสนอในเชิงนโยบายว่า รัฐบาลจะสนับสนุนเรื่องระบบการดูแลผู้สูงอายุอย่างไร เช่น จำเป็นต้องมีผู้ดูแลผู้สูงอายุหรือไม่ ถ้าจำเป็นต้องมีรัฐบาลจะลงทุนฝึกยังไง สภาการพยาบาลจะมีหลักสูตรเฉพาะหรือไม่ เพื่อให้เขามีประกาศนียบัตรรับรอง ฝึกแล้วศูนย์ดูแลผู้สูงอายุจะเป็นองค์กรลักษณะแบบไหน" นางสาวดวงพรอธิบายพร้อมยกตัวอย่าง


เตรียมพร้อม...รองรับผู้สูงวัยในยุคดิจิตอล thaihealth


ทั้งนี้ ในส่วนของการยกระดับศูนย์ดูแลผู้สูงอายุครบวงจร นางสาวดวงพรกล่าวเพิ่มเติมว่า ถ้า สสส.ทำตอนนี้จะเน้นเรื่อง "องค์กรธุรกิจเพื่อสังคม" (Social Enterpise) โดยมีโมเดลที่อาจจะเกิดจากการรวมตัวของผู้บริหารท้องถิ่น 5 แห่ง อสม.สัก 10 คน หรือแม้กระทั่ง รพ.สต.ที่เกษียนอายุ ก็สามารถร่วมตั้งศูนย์ โดยการเอาเงินมาลงทุน ทำหุ้น แต่บริการจัดการในนามของแกนนำชุมชน ที่ช่วยกันระดมความคิด วางแผนและออกแบบธุรกิจว่าจะให้เป็นไปในรูปแบบใด


"เราคุยกันในเครือข่ายว่า 1 ศูนย์จะต้องมีผู้ดูแลผู้สูงอายุตามหลักและถูกฝึกจากสภาการพยาบาล อีกทั้งสามารถที่จะไปดูแลผู้สูงอายุที่บ้านได้ โดยไม่ต้องเอาผู้สูงอายุมาอยู่รวมกันในตึกเดียวกัน ซึ่งศูนย์ดูแลผู้สูงอายุจะต้องบริหารจัดการ ให้เงินเดือน แต่ไม่ใช่ในลักษณะหน่วยงานของรัฐ แต่ใช้เป็นหน่วยงานที่เป็นธุรกิจทางสังคม ซึ่งตอนนี้เรากำลังออกแบบวางแผนร่วมกับนักวิชาการจำนวนหนึ่ง โดยใช้ข้อมูลในการคำนวณยอดผู้ป่วย ดูแนวโน้มโรค เพื่อใช้เตรียมการผู้ดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งภายใน 2 ปี เราหวังว่าจะมีต้นแบบสัก 20 แห่ง และสามารถยกระดับจากระดับตำบลเป็นระดับอำเภอได้" ผอ.สำนัก 3  กล่าว


เตรียมพร้อม...รองรับผู้สูงวัยในยุคดิจิตอล thaihealth


ด้าน รศ.ดร. วิพรรณ ประจวบเหมาะ วิทยาลัยประชากรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้อธิบายถึงเหตุผลว่าทำไมชุมชนท้องถิ่นต้องดูแลผู้สูงอายุ นั่นเพราะประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว และสิ่งที่น่าห่วงคือ ลักษณะของครอบครัวเดี่ยวในชุมชนที่เพิ่มมากขึ้น และคาดการณ์ว่าในอีก 25 ปี อัตราพึ่งพิงจะลดลงอย่างรวดเร็ว กล่าวคือ ผู้สูงอายุจะไม่มีคนวัยแรงงาน หรือลูกหลานที่คอยดูแล ดังนั้นชุมชนจึงมีส่วนสำคัญที่จะสนับสนุนให้ผู้สูงอายุและคนในชุมชนได้ดูแลกันและกันมากที่สุด


"เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ว่า คุณยายท่านหนึ่งเสียชีวิตอยู่ในบ้านนาน 10 เดือน แต่ไม่มีคนรู้เห็นเลย นั่นเป็นสิ่งที่สะท้อนว่าชุมชนดูแลผู้สูงอายุอย่างไร ดังนั้นอยากเห็นชุมชนท้องถิ่นตื่นตัวกับเรื่องนี้ และทำอย่างไรให้คนไม่ย้ายออก หนุ่มสาวยังคงอยู่ในพื้นที่ ดูแลผู้สูงอายุ และผู้สูงอายุมีงานทำอย่างต่อเนื่องและมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหลักประกันทางเศรษฐกิจ เกษตรกรรมยั่งยืน การรู้จักบริหารจัดการเงิน การออม ไม่สร้างหนี้สิน สภาพแวดล้อมที่เป็นมิตร ทำให้ชุมชนน่าอยู่สำหรับทุกวัย โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน" รศ.ดร.วิพรรณ ฝากทิ้งท้าย ดังนั้นการเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมสูงวัยไม่ใช่เรื่องไกลตัวของคนรุ่นใหม่ หรือเป็นเรื่องของคนที่อายุ 60 ปีขึ้นไปเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของคนทุกวัยที่ต้องเตรียมรับมือวางโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการดูแลผู้สูงอายุในชุมชน การดึงความรู้และศักยภาพในกลุ่มผู้สูงอายุมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาสังคม


 


 


ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

Shares:
QR Code :
QR Code