เกษตรอินทรีย์ วิถีสุขภาพ อาหารปลอดภัย
โลกเปลี่ยนแปลง คนก็เปลี่ยนแปลง สภาพแวดล้อมรอบๆ ตัว ก็พลอยเปลี่ยนแปลงไปพร้อมๆ กัน ดังจะเห็นได้จากปัจจุบันความต้องการให้ประชาชนหันมาบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ มีการเปลี่ยนแปลงขยายความสำคัญมากขึ้น เพราะการมองถึงสุขภาพในการบริโภคของคนส่วนใหญ่ ไม่ได้เป็นเพียงกระแสเพื่อให้ตระหนักเท่านั้น แต่กำลังเกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคให้เริ่มใส่ใจสุขภาพของตนเองมากขึ้น
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ด้วยความต้องการให้ประชาชนหันมาบริโภคผัก ผลไม้ ปลอดสารพิษมากขึ้น จึงร่วมมือกับ โครงการเกษตรอินทรีย์ "บ้านแสนรักษ์" อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม จัดกิจกรรมรณรงค์ "รวมพล ชวนคนปลูกผัก" เพื่อ ส่งเสริมให้เกิดการปลูกผักผลไม้ที่เป็นมิตรต่อสุขภาพของเกษตรกรและสิ่งแวดล้อม รวมถึงผู้บริโภค หรือที่เรียกว่า "เกษตรอินทรีย์" พร้อมทั้งสร้างความมั่นคง ด้านสุขภาพ คุณภาพชีวิต และรายได้ให้กับเกษตรกรด้วย
รศ.นพ.ปัญญา ไข่มุก ประธานคณะกรรมการกำกับทิศทางแผนอาหารเพื่อสุขภาพ สสส. บอกถึงความสำคัญของการจัดกิจกรรมครั้งนี้ ว่า ปัจจุบันการบริโภคผักผลไม้ของประชาชนค่อนข้างน้อย จึงเกิดการรณรงค์ให้มีการบริโภคผักผลไม้มากขึ้นอย่างน้อยคือวันละ 400 กรัม หากมองด้วยตาเปล่าก็คือ การกินผักครึ่งหนึ่งของจานข้าว แต่ปัจจุบัน ผู้บริโภคอาจเกิดความกังวลว่า ผักผลไม้ที่กินเข้าไปอาจจะ ปนเปื้อนสารพิษต่างๆ เพิ่มมากขึ้น
สสส. และภาคีเครือข่าย จึงร่วมมือกันส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกผักแบบเกษตรอินทรีย์ โดยนำร่องโครงการในพื้นที่อำเภอสามพราน เนื่องจากเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การทำเกษตรอินทรีย์ เมื่อเกิดการรวมกลุ่มและ ถ่ายทอดความรู้ให้กับเกษตรกร จนเกิดการยอมรับ ทำให้เกิดกระบวนการผลิตผักผลไม้ปลอดสารพิษที่ยั่งยืน เกษตรกรก็มีคุณภาพชีวิตที่ดี และให้เกิดองค์ความรู้พร้อมๆ ไปกับการ ขยายผลการเรียนรู้ เพื่อให้คนไทยมีโอกาสได้บริโภคผักผลไม้ ที่ปลอดสารพิษอย่างทั่วถึงและส่งเสริมให้นำความรู้ที่ได้จากเกษตรกรในพื้นที่ของตน มาเป็นแนวทางในการปลูกผัก ปลอดสารพิษและปลอดภัยกินเองที่บ้านอีกด้วย
โดยในระยะเวลาเกือบ 1 ปี หลังจากที่เกษตรกร เข้าร่วมโครงการเกษตรอินทรีย์ "บ้านแสนรักษ์" ผลผลิตของเกษตรกรประเภทผักผลไม้ในพื้นที่ สามารถผลิตเพื่อการค้าได้ มากกว่าวันละ 1 ตัน ส่วนใหญ่ผักที่ปลูกจะเป็น ผักบุ้งจีน ผักกวางตุ้ง ผักป๋วยเล้ง ผักขึ้นฉ่าย กล้วยหอม ฝรั่ง ชมพู่ และ อีกหลากหลาย ซึ่งผลผลิตได้กระจายไปยังผู้บริโภคอย่างทั่วถึง
ด.ญ.ประภัสสร ยอดจันดา หรือน้องแพท วัย 12 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านบางเตย บอกว่า ที่โรงเรียนมีแปลงผักอินทรีย์ อย่าง กวางตุ้ง ผักบุ้ง และผักขึ้นฉ่าย ซึ่งหนูและเพื่อนๆ ได้ช่วยกันขุดดินทำแปลงผักและเพาะ เมล็ดพันธุ์ เมื่อผักโตขึ้นก็จะนำเข้าโครงการอาหารกลางวัน นักเรียนในโรงเรียนก็ได้กินผักที่ปลอดสารพิษ ดีต่อสุขภาพ และยังทำให้ลดค่าใช้จ่าย และนักเรียนยังนำผักกลับไปทำอาหารที่บ้านด้วย หนูรู้สึกภูมิใจที่ได้ปลูกผักกินเอง เพราะ นอกจากจะทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงแล้วยังได้ความรู้ เพิ่มเติมเกี่ยวกับการปลูกผักที่ปลอดสารพิษ และประโยชน์ของผักชนิดต่างๆ อีกด้วย
คุณป้าประไพ เลิศล้ำนภากุล เกษตรกรวัย 59 ปี เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ บอกว่า หลังจากได้ทำเกษตรอินทรีย์ มาเป็นระยะเวลากว่า 6 เดือน ทำให้คุณภาพชีวิตดีนั่นคือ สุขภาพร่างกายของตัวเอง ความมั่นคงของรายได้ที่ได้รับการ ประกันราคาที่แน่นอน ผลผลิตที่ได้ก็มีคุณภาพสูงกว่าการเกษตร แบบเคมี ถึงแม้จะใช้เวลาการเพาะปลูกนานและต้องลงทุน มากขึ้นกว่าก็ตาม แต่ผักที่ปลูกก็มีคุณภาพดีกว่า ทั้งน้ำหนักดี แข็งแรง ผลผลิตเยอะกว่า ปลอดภัยต่อผู้บริโภคและเกษตรกร ซึ่งตนรู้สึกดีมาก และไม่คิดจะเปลี่ยนรูปแบบเกษตรกรรมแน่นอน
ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า การบริโภคผักผลไม้อินทรีย์ นอกจากจะปลอดภัยกับสุขภาพแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาใส่ใจการผลิตที่มีคุณภาพและปลอดสารพิษกลับไปยังผู้บริโภคอีกด้วย
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า