อบต.วังแสงดูแลสุขภาพปชช.ด้วยสมุนไพร
อบต.วังแสง จัดโครงการ “ฮักแพง เบิ่งแญง คนสารคาม” ระดมความรู้จากหมอพื้นบ้านทั้ง 9 ด้าน อาทิ ยาพื้นบ้านอีสาน หมอเส้น หมอเอ็น ผู้รู้ด้านฮีต คอง โสกบ้านและสถาปัตยกรรมชุมชน การสู่ขวัญ หวังช่วยสืบสานและฟื้นฟูภูมิปัญญาท้องถิ่นอีสาน เพื่อดูแลสุขภาพชุมชน
“สมุนไพร” ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มนุษย์รู้จักนำมาใช้เป็นประโยชน์ เพื่อการรักษาโรคภัยไข้เจ็บตั้งแต่โบราณกาลในทวีปเอเชียมีหลักฐานแสดงว่า มนุษย์รู้จักใช้พืชสมุนไพรมากว่า 6,000 ปี แต่หลังจากที่ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ มีการพัฒนาเจริญก้าวหน้ามากขึ้น มีการสังเคราะห์ และผลิตยาจากสารเคมี ในรูปแบบที่ใช้ประโยชน์ได้ง่าย สะดวกสบายในการใช้มากกว่าสมุนไพร ทำให้ความนิยมใช้ยาสมุนไพรลดลง เป็นเหตุให้ความรู้วิทยาการด้านสมุนไพรขาดการพัฒนา ไม่เจริญ ก้าวหน้าเท่าที่ควร
ปัจจุบันทั่วโลกได้ยอมรับแล้วว่า ผลที่ได้จากการสกัดสมุนไพรให้คุณประโยชน์ดีกว่ายา ที่ได้จากการสังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ประกอบกับในประเทศไทยเป็นแหล่งทรัพยากร ธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ มีพืชต่างๆ ที่ใช้เป็นสมุนไพรได้อย่างมากมายนับหมื่นชนิด
นายแพทย์สุริยา รัตนปริญญา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม บอกว่า การแพทย์แผนไทยนั้นหมายถึง ปรัชญา องค์ความรู้และวิธีการปฏิบัติ เพื่อการดูแลสุขภาพ การบำบัดรักษาโรค ความเจ็บป่วยของประชาชนไทยแบบดั่งเดิม ให้สอดคล้องกับขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมไทย ซึ่งประกอบด้วยสมุนไพร เช่น การต้มการอบ การประคบ การปั้นยาลูกกลอน หรือพิธีกรรมเพื่อดูแลรักาษสุขภาพจิต
นายสมนึก ไชยสงค์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) วังแสง อ.แกดำ กล่าวว่า อบต.วังแสง ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เดินหน้าสืบสานภูมิปัญญาดูแลสุขภาพด้วยสมุนไพรต่อยอดโครงการ “ฮักแพง เบิ่งแญง คนสารคาม” จากการศึกษาองค์ความรู้ของหมอพื้นบ้านในการดูแลสุขภาพชุมชน และศึกษารูปแบบการบริหารจัดการองค์ความรู้ส่วนท้องถิ่น ในการการส่งเสริมภูมิปัญญาพื้นบ้าน เพื่อดูแลสุขภาพชุมชน ต.วังแสง ดำเนินงานภายใต้แผนพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นด้าน สุขภาพเพื่อการพึ่งตนเองของชุมชน
“มูลนิธิสุขไทย ได้รับทุนสนับนสนุนจาก สสส. ปี 2551 ทำการศึกษาหมอพื้นบ้าน ผู้รู้กับภูมิปัญญาท้องถิ่นทั้ง 9 ด้านยาพื้นบ้านอีสาน หมอบำบัดพิเศษ หมอเส้น หมอเอ็น ฮีต คอง อาหารอีสาน โสกบ้านและสถาปัตยกรรมชุมชน การดูแลคู่แต่งงานจนหลังการคลอดบุตร อุบัติเหตุ สู่ขวัญ เป็นต้น ได้พบภูมิปัญญาในการดูแลสุขภาพทั้งสิ้น 31 เรื่อง แยกเป็นตำรับยา 27 ตำรับ และการดูแลสุขภาพ” นายก อบต.วังแสง กล่าว
นอกจากนี้ อบต.วังแสง ได้ร่วมกับสถาบันวิจัยวลัยรุกขเวชมหาวิทยาลัยมหาสารคาม โรงพยาบาลมหาสารคาม มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม มองเห็นความสำคัญของภูมิปัญญาในการดูแลสุขภาพจึงได้ร่วมกันสร้างเครือข่ายการทำงานออกเป็น 4 ภาคี ด้านสุขภาพระดับตำบลในการผลักดันให้ อบต.เข้าไปดูแลการใช้รูปแบบบริหารการจัดการของท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมภูมิปัญญาพื้นบ้านในการดูแลสุขภาพชุมชน โดยมีสถานีอนามัยตำบลวังแสงเป็นเครือข่ายร่วมมือ ซึ่งใช้รูปแบบ อบต.เป็นศูนย์ ภายใต้ชื่อ ศูนย์บำบัดทุกข์สร้างสุขภาพชุมชนตำบลวังแสง ภายใต้โครงการฮักแพง เบิ่งแญงคนอีสาน โดยมีกลุ่มหมอยาพื้นบ้าน 63 คนในตำบลวังแสง ครูนักเรียนในตำบลวังแสง 2 โรงเรียน ผู้นำหมู่บ้าน อนามัยตำบลวังแสง 1 แห่ง วัดป่าพิเชฐชัชวาล และ อบต.ข้างเคียง
นอกจากมีการศึกษาองค์ความรู้ของหมอยาพื้นบ้านในการดูแลสุขภาพแต่ละชุมชนแล้ว ยังมีการศึกษารูปแบบการบริหารจัดการของอบต.ในการสนับสนุนและส่งเสริมภูมิปัญญาพื้นบ้านเพื่อการดูแลสุขภาพของชุมชน พบมีหมอยาพื้นบ้านผู้รู้ด้านยาสมุนไพรพื้นบ้านอีสานจำนวน 31 คน หมอยาบำบัด 5 คน หมอเอ็น-เส้น 13 คน ผู้รู้ด้านฮีต-คอง 5 คน ผู้รู้ด้านสู่ขวัญ พบจำนวน 3 คน ผู้รู้ด้านอุบัติเหตุ 3 คน หมอตำแย 2 คน โดยมีกระบวนการ มีการประชุมสมาชิกผู้นำท้องถิ่น ศึกษาเก็บข้อมูลหมอพื้นบ้าน ประชุมหมอพื้นบ้านเพื่อการจัดสรรเพื่อการรักษาได้ถูกตามเป้าหมาย นำความคิดเห็นที่ประชุมสภาตำบลเพื่อให้สภาตำบลอนุมัติหลักการและประชาสัมพันธ์ตามหมู่บ้านโดยมีผู้ใหญ่บ้านแต่ละหมู่บ้านจัดประชุมภายในหมู่บ้าน นำแผนไปปฏิบัติ และขยายสู่ปีต่อๆ ไป
เรื่อง: เอนก กระแจ่ม มหาสารคาม
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ