“หมอเดว” ฝาก 6 เรื่องหลักปลุกพลังบวกเยาวชนไทย

ในทุกวันที่ 20 กันยายนของทุกปี เป็นวันเยาวชนแห่งชาติ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 18มิถุนายน 2528กำหนดให้วันที่ 20 กันยายนของทุกปี เป็นวันเยาวชนแห่งชาติแห่งชาติ เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระมหากษัตริย์ในพระบรมราชจักรีวงศ์สองพระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ซึ่งทั้งสองพระองค์ ได้เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติในขณะที่ยังทรงพระเยาว์ จึงถือได้ว่าเป็นวันสิริมงคลที่เยาวชนควรสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของล้นเกล้าทั้งสองพระองค์


“หมอเดว” ฝาก  6 เรื่องหลักปลุกพลังบวกเยาวชนไทย


และในปีนี้คำขวัญวันเยาวชนฯ กำหนดไว้ว่า “ร่วมแรงแข็งขัน ช่วยกันพัฒนา ใฝ่หาสันติ” 


ขณะที่สถานการณ์ด้านเยาวชนของไทยในปัจจุบันที่ต้องเผชิญไปกับโลกที่เปลี่ยนไปอย่างไม่หยุดนิ่ง เป็นอีกหนึ่งสถานการณ์ที่ภาคสังคมต้องใส่ใจและตระหนัก โดย นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว  มหาวิทยาลัยมหิดล ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้บอกเล่าถึงสถานการณ์เยาวชนไทยไว้ว่า สถานการณ์เชิงปัจจัยเสี่ยงของเยาวชนไม่แตกต่างจากในช่วง 2-3ปีที่ผ่านมา โดยยังคงพบปัญหาเดิมๆ คือ การตั้งครรภ์ไม่พร้อม ปัญหายาเสพติด ปัญหาความรุนแรง เป็นต้น เป็นเหตุต่อเนื่องจากปัจจัยสร้างที่อ่อนแอหนักมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ในเชิงครอบครัว หากเทียบกลับไปเมื่อ 5ปีที่แล้ว จะเห็นว่าปัจจุบันนี้ขนาดครอบครัวเล็กลง มีอัตราการหย่าร้างที่เพิ่มขึ้น เด็กอยู่ตามลำพังมากขึ้น เพราะมีความเป็นสภาพสังคมเมืองมากขึ้น พ่อแม่ต้องทำงานหาเงินและผู้สูงวัยก็จะกลายเป็นคนที่ต้องเลี้ยงหลานแทน หรือไม่ก็เป็นการฝากเลี้ยงในศูนย์เลี้ยงเด็ก รวมถึงภาพรวมจิตสำนึกในชุมชนป่วยหนักมากขึ้น ต่างคนต่างอยู่ ขาดการเอื้ออาทรต่อกัน


นอกจากนี้ในกลุ่มเพื่อนเองก็เกิดความอ่อนแอในการชวนกันทำความดี มีเพียง 40% ที่กลุ่มเพื่อนจะชวนกันทำเรื่องสร้างสรรค์ ขณะที่อีก 60% ชวนกันทำกิจกรรมเสี่ยง อย่างไรก็ตามแม้ประเด็นด้านความมีน้ำใจและการแบ่งปันจะดีขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ ซึ่งพบว่าเป็นเพราะปัจจัยสร้างที่อ่อนแอ คือ ขาดการเรียนรู้ทักษะชีวิต ไม่มีการเรียนรู้วิชาชีวิต 


“โลกที่กำลังเปลี่ยนไปในยุคแห่งเทคโนโลยี แม้ตัวเยาวชนเองจะมีความรู้จักสื่อ รู้จักที่จะใช้สื่อในการใช้ประโยชน์ แต่ยังอ่อนแอในการรู้เท่าทันสื่อ ยังมีเยาวชนจำนวนหนึ่งที่ถูกหลอกลวงผ่านสื่อ ความคุ้มครองในการบริโภคสื่อไม่มี ขณะที่บ้านเราพ่อแม่ส่วนใหญ่จะเลี้ยงลูกให้ติดพ่อแม่มากกว่า ไม่ทำให้เด็กเข้าสู่วัยที่จะรู้ทันสื่อ จากการสำรวจของสถาบันแห่งชาติฯ ทั่วประเทศ ที่เป็นการแลกเปลี่ยนเรื่องราวสื่อระหว่างเด็กกับพ่อแม่ พบว่าเด็กและเยาวชนประมาณ 40%ไม่รู้เท่าทันสื่อ ดังนั้น ในยุคที่ก้าวเข้าสู่เทคโนโลยีแบบนี้ รัฐเองต้องเน้นเรื่องการรู้เท่าทันสื่อให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น บรรจุให้เป็นวิชาชีวิตให้ได้”หมอเดวกล่าว 


หมอเดว ยังฝากให้เยาวชนไทยในอนาคตเป็นเยาวชนแห่งคุณภาพที่ดีและเป็นอัตลักษณ์ของโลกได้ว่าต้องประกอบด้วย 6เรื่องสำคัญ คือ 1.การเป็นคนมีน้ำใจในการแบ่งปัน เยาวชนในศตวรรษที่ 21ต้องเตรียมพร้อมให้มีน้ำใจแบ่งปันต่อกัน 2.ค่านิยมในการทำความดี จริงๆ บ้านเมืองเราอยู่ด้วยการมีพลังแห่งความดี เยาวชนในศตวรรษหน้าก็ต้องพร้อมที่จะทำดี มีค่านิยมในการทำความดีที่สูง 3.รู้ทันโลกที่เปลี่ยนไป 4.เยาวชนต้องใฝ่รู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นของตัวเอง ง่ายๆ คือการเริ่มต้นที่การเรียนรู้วัฒนธรรมชุมชนที่ตนเองอาศัยอยู่ หากสร้างแรงบันดาลใจในจุดนี้ได้ แกนชีวิตก็ไม่มลายสูญ 5.การเป็นเมืองแห่งพุทธศาสนา คือการนำหลักธรรมแห่งศาสนามาสู่วิถีชีวิต สู่วิถีแห่งการปฏิบัติ และ 6.การมีมิติแห่งความพอเพียง 


“จริงๆ แล้วเรื่องราว 5-6เรื่องที่ว่ามานี้เราเคยเป็นอัตลักษณ์ของโลก ซึ่งในอนาคตเราจะก้าวสู่การเปิดเสรีอาเซียน หลายประเทศก็อยากดูวัฒนธรรมบ้านเมืองของเราที่เคยเป็นอัตลักษณ์แบบนี้ บ้านเมืองเราเคยเป็นประเทศที่มีน้ำใจ ทั่วบ้านทั่วเมืองเค้ารู้กันหมด ดังนั้นคงจะบอกว่าการจะทำให้เรื่องเหล่านี้อยู่ในใจของเยาวชนไทยได้นั้นคงไม่ใช่เป็นหน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่คือเป็นเรื่องของทุกภาคส่วน ทั้งสถาบันครอบครัว โรงเรียน ชุมชน และสังคม และตัวของสภาเด็กและเยาวชนเองต้องตระหนักเห็นความสำคัญและทำเรื่องเหล่านี้ให้เกิดขึ้นให้ได้”หมอเดวกล่าว 


และด้วยภาระหน้าที่ของสถาบันแห่งชาติฯ เป็นหน่วยงานแห่งการจัดการความรู้ และพัฒนาแนวคิด ดังนั้น การจะขับเคลื่อนให้เรื่องต่างๆ ของการพัฒนาตัวเด็กและเยาวชนเกิดได้คือท้องถิ่นเป็นสำคัญ โดยหมอเดวบอกว่า ง่ายๆ เพียงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใดที่สนใจสามารถรวมตัวกันและเข้ามายังสถาบันฯ เพื่อขอคำแนะนำไปประยุกต์ใช้กับเด็กและเยาวชนในชุมชนได้ 


โดยหมอเดว แนะนำว่า ที่สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กฯ มีหลักสูตรที่น่าสนใจในหลายเรื่อง อาทิ หลักสูตรการรู้เท่าทันสื่อ การใช้เครื่องมือใหม่ๆ ในการพัฒนาเด็ก โดยหน่วยงานที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมไปยังสถาบันฯ  ได้  และในระหว่างวันที่ 3-5 ตุลาคม 2554 สถาบันแห่งชาติฯ ร่วมกับ สสส.เตรียมจัดการประชุมวิชาการระดับชาติเรื่อง “พลังบวกเพื่อเด็ก : จุดเปลี่ยนการพัฒนาเด็กและเยาวชนไทย ที่โรงแรมเดอะ รอยัล ริเวอร์ กรุงเทพมหานคร  ซึ่งในการประชุมครั้งนี้จะได้พบกับแนวคิดและเทคนิคเครื่องมือจุดเปลี่ยนในการพัฒนาเด็กในศตวรรษที่ 21 และการเปิดตัวเว็บไซต์ “ความรู้เพื่อชีวิตออนไลน์ (Facts for Life Thai_online)” ด้วย 


เยาวชนไทยในวันนี้คือฟันเฟืองสำคัญที่จะขับเคลื่อนทิศทางประเทศ ก็ได้แต่หวังว่าทุกแรงใจและแรงกระทำจะพร้อมผลักดันให้เยาวชนไทยพร้อมรับกับจุดเปลี่ยนในศตวรรษหน้าที่กำลังจะมาถึงอย่างไม่ฝืดเคือง ซึ่งก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งสำคัญนั้นอยู่ที่ความร่วมมือของคนไทยทุกคนนั่นเอง


 


 


 


เรื่องโดย : สุนันทา สุขสุมิตร Team content www.thaihealth.or.th


 


 

Shares:
QR Code :
QR Code