‘หนังใหญ่’วัดขนอน มหรสพโบราณ 500 ปี
“หนังใหญ่” มหรสพเก่าแก่นำมาจากประเทศอินเดีย เป็นต้นแบบของการเล่นโขนในปัจจุบัน เข้ามาในไทยตั้งแต่สมัยอาณาจักรศรีวิชัย ตัวหนังใหญ่แกะสลักจากหนังวัว หรือหนังควาย นำมาฉลุเป็นรูปตัวละครเรื่อง “รามเกียรติ์”จากหนังที่มีตัวละครเล็กๆ ได้เพิ่มปราสาท ราชวัง ต้นไม้ ป่า เข้าไปอีก เพื่อให้สามารถเล่นจบภายในตอนเดียว จึงทำให้แผ่นหนังใหญ่ขึ้นมาก จึงเรียกว่า “หนังใหญ่”
กระทั่งเผยแพร่สู่พระราชสำนักของไทย เมื่อปี พ.ศ. 2001 ประมาณ 500 กว่าปีมาแล้ว ตรงกับสมัยของพระบรมไตรโลกนาถ สมัยกรุงศรีอยุธยา แล้วก็เป็นที่นิยมของคนชั้นสูง เล่นในงานของพระมหากษัตริย์ เช่น งานฉลองพระราชสมภพ ก่อนจะมาสู่ชาวบ้าน ชุมชน
“วัดขนอน” ก็เป็นชุมชนหนึ่งที่ได้รับการเผยแพร่มาในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยผู้ที่ริเริ่มในสมัยนั้นคือ “หลวงปู่กล่อม” หรือพระครูศรัทธาสุนทร โดย “หนังใหญ่” ชุดแรกคือ ชุดหนุมานถวายแหวน ปัจจุบันสร้างรวมทั้งหมด 9 ชุด 313 ตัว ซึ่งถือว่าเป็นสมบัติของวัดที่ได้ร่วมสืบทอดมา
พระครูพิทักษ์ศิลปาคม (นุชิต วชิรวุฑฺโฒ) เจ้าอาวาสวัดขนอน อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ผู้สืบสานหนังใหญ่วัดขนอน กล่าวว่า หลังจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเห็นคุณค่าของศิลปะการแสดงหนังใหญ่ จึงมีพระราชดำริให้ทางวัดช่วยอนุรักษ์หนังใหญ่ทั้ง 313 ตัวไว้ โดยมี ม.ศิลปากร เป็นผู้สนองพระราชดำริสร้างหนังใหญ่ชุดใหม่แทน และพระราชทานให้ทางวัดขนอนสามารถนำไปใช้ในการแสดงต่อไป
ปัจจุบันทางวัดได้จัดทำพิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดขนอนขึ้น เพื่อเปิดเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ให้กับกลุ่มผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษาหนังใหญ่ ที่สำคัญทางวัดได้มีการฝึกการสอนให้กับเยาวชน คนในพื้นที่ได้มีโอกาสเข้ามาเรียนรู้ และเป็นส่วนหนึ่งของคณะเชิดหนังใหญ่วัดขนอน จนได้รับรางวัลจากองค์กรการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก (unesco) โดยยกย่องให้เป็น 1 ใน 6 ชุมชนดีเด่นของโลกที่มีผลงานในการอนุรักษ์ ฟื้นฟูมรดกวัฒนธรรมเชิงนามธรรม และปี 2553 ได้รับรางวัล thailand tourisms award ในด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ด้านศิลปวัฒนธรรมของ ททท. ในเรื่องของการท่องเที่ยวภาคกลาง ซึ่งเราเองก็พยายามผลักดันให้วัดขนอนเป็นแหล่งศึกษา เรียนรู้ศิลปะหนังใหญ่อย่างสมบูรณ์
ทางวัดขนอนได้รับอาสาสมัคร ผู้ที่มีความตั้งใจ มีใจรัก และศรัทธาในศิลปะการแสดงหนังใหญ่เข้ามาฝึกหัดกับทางวัด ส่วนมากก็จะเป็นคนในพื้นที่ เพราะสะดวกในเรื่องการเดินทาง และความต่อเนื่องของการฝึกสอน
มีอาจารย์วิทยากรที่มีความรู้ความสามารถ หรือปราชญ์ชาวบ้านที่มีความรู้ ความชำนาญ มาร่วมถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรมให้ผู้ที่สนใจ หรือเยาวชนมาร่วมสืบสานวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของชาติที่นับวันจะถูกลืมเลือนนี้ให้คงอยู่สืบไป
สมาชิกคณะหนังใหญ่วัดขนอนมีทั้งหมด 40-50 คน โดยจัดการเรียนการสอนสำหรับเด็กเยาวชน และสมาชิกใหม่ ในช่วงหลังเลิกเรียนทุกวัน และชุดใหญ่จะใช้วันศุกร์วันเสาร์ เวลากลางคืนในการฝึกสอน ส่วนดนตรีไทยมีการสอนทุกวัน
แนวคิดในการสืบทอดมรดกอันทรงคุณค่าทางด้านวัฒนธรรมให้คงอยู่สืบไป จึงได้ร่วมกันจัดงาน “เทศกาลหนังใหญ่ วัดขนอน” ขึ้น โดยเริ่มจัดครั้งแรกในปี 2549 เรื่อยมา และในปีนี้ “เทศกาลหนังใหญ่ วัดขนอน ครั้งที่ 7” ซึ่งได้จัดขึ้นไปแล้วเมื่อช่วงวันสงกรานต์ที่ผ่านมา ที่ลานกลางแจ้งวัดขนอน ต.สร้อยฟ้า อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ด้วยการสนับสนุนจากจังหวัดราชบุรี วัฒนธรรมจังหวัด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเพชรบุรี อำเภอโพธาราม องค์การบริหารส่วนตำบลสร้อยฟ้า สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และวัดขนอน
มีนักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจชมแผ่นหนังวัวฉลุลาย พาย้อนไปดูวัฒนธรรมแบบดั้งเดิม ถ่ายทอดการดำเนินชีวิตตามวิถีของชาวไทยโบราณ และมีการละเล่นและศิลปะแขนงต่าง ๆ อาทิ การเล่นหนังใหญ่แบบโบราณด้วยการเผากะลาเล่นไฟ ใช้แสงไฟจากกะลาในการแสดง และการแสดงวัฒนธรรม 4 ภาค อาทิ โขนล้านนา การแสดงหุ่นละครเล็ก หุ่นคน หุ่นกระบอก ดิเกร์ฮูลู หนังตะลุง จากภาคใต้ ลิเกย้อนยุค ฯลฯ
นอกจากนี้ ยังมีการโชว์ศิลปะด้านงานฝีมือจากกลุ่มคนราชบุรี เช่น ช่างสิบหมู่ การปั้นหัวโขน การปั้นปูน การแกะสลักไม้ การปั้นโอ่ง ซึ่งผู้เข้าร่วมงานสามารถเลือกซื้อสินค้าไว้เป็นที่ระลึกได้
การสาธิตการทำอาหารพื้นบ้านและขนมหวาน พร้อมอร่อยกับอาหารไทยพื้นบ้านของชาวไทย-ชาวมอญ อาทิ ข้าวแช่ การกวนกาละแม เป็นต้น ส่วนไฮไลต์ของเทศกาลหนังใหญ่วัดขนอน
ทางวัดยังได้รับเกียรติจาก ครูมืด-ประสาท ทองอร่าม, ครูถนอม, ครูจรัญ จากกรมศิลปากร มาร่วมขับเสภาตลก ตอน พลายบัวจับผี
ใครที่พลาดในปีนี้ก็พบกันใหม่ปีหน้ากับมหรสพแผ่นหนังใหญ่
ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ