‘หญิงอมควัน’ เหยื่อรายใหม่!
อึ้ง!!พบเริ่มสูบตั้งแต่อายุ 12-13 ปี
เผยวัยรุ่นหญิงไทยเป็นสิงห์อมควันมากขึ้น เหตุคิดว่าสูบแล้วดูดีมีเสน่ห์ ขณะที่บริษัทบุหรี่ต่างประเทศงัดกลยุทธ์ผลิตบุหรี่มีกลิ่นหอมล่อใจหญิงสาว แม้จะถูกห้ามนำเข้า แต่กลับพบวางขายเกลื่อนตามแหล่งวัยรุ่น
รศ.ดร.ธราดล เก่งการพานิช คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การสูบบุหรี่ของวัยรุ่นหญิงไทยในขณะนี้ว่า จากผลการศึกษาวิจัยอัตราการสูบบุหรี่ของผู้หญิงอายุ 13-24 ปี ในรอบปีที่ผ่านมาพบว่า มีเพิ่มมากขึ้น และช่วงอายุที่เริ่มสูบบุหรี่น้อยลง โดยปัจจัยหลักที่เอื้อให้เริ่มสูบบุหรี่คือ มีเพื่อนสนิทสูบบุหรี่ ก็ทำให้มีโอกาสสูบบุหรี่ถึง 18 เท่า ของคนที่มีเพื่อนไม่สูบบุหรี่ หากมีทัศนคติเชิงบวกต่อการสูบบุหรี่ที่เห็นว่าดูดีโก้เก๋ ก็จะมีโอกาสสูบบุหรี่ 7 เท่า และถ้าแม่สูบบุหรี่ ก็จะทำให้ลูกมีโอกาสสูบบุหรี่ 4 เท่า
รศ.ดร.ธราดลเสนอว่า จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นหญิง จำนวน 3,000 คน พบว่า อายุเริ่มสูบมากที่สุดคือ 12-13 ปี ร้อยละ 21.2 และเริ่มสูบอายุต่ำกว่า 12 ปี ร้อยละ 10.2 โดยในกลุ่มระดับอุดมศึกษาอายุ 20-24 ปี ร้อยละ 42 สูบเกือบทุกวัน และปริมาณบุหรี่ที่สูบ พบว่า ร้อยละ 33 สูบวันละมากกว่า 5 มวน
“สถานที่สูบบุหรี่ของวัยรุ่นหญิงพบว่า ร้อยละ 49 สูบที่บ้านตนเองและบ้านเพื่อน ร้อยละ 13.7 สูบในสถานศึกษา และคิดว่าบุหรี่แสวงหาได้ง่าย ร้อยละ 70 ซื้อเอง ร้อยละ 53 ส่วนแหล่งบุหรี่ที่ซื้อพบว่า ร้อยละ 68 ซื้อจากร้านขายของชำและร้านสะดวกซื้อ แสดงว่ายังมีผู้ค้าละเมิดกฎหมาย” รศ.ดร.ธราดลกล่าว
นักวิชาการคณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.มหิดล เสนอว่า ต้องบังคับใช้กฎหมายห้ามขายบุหรี่แก่เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีอย่างเคร่งครัด และเข้มงวดการโฆษณาบุหรี่แฝงผ่านการให้ทุนการศึกษาหรือสื่อต่างๆ เพื่อลดโอกาสการเข้าถึงบุหรี่โดยการซื้อ สถาบันการศึกษาจะต้องพัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้เท่าทันเกี่ยวกับบุหรี่ รู้จักการปฏิเสธการสูบบุหรี่ และผู้ปกครองต้องให้ความสำคัญและเป็นตัวอย่างที่ดีของการไม่สูบบุหรี่
ผศ.ดร.ลักขณา เติมศิริกุลชัย ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) กล่าวว่า จากการสำรวจผู้หญิงไทยสูบบุหรี่ตั้งแต่อายุ 11-40 ปี พบว่า โดยภาพรวมมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อย อันเป็นผลจากการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่และมาตรการควบคุมการโฆษณาบุหรี่อย่างเข้มงวด ยกเว้นกลุ่มวัยรุ่นหญิงเท่านั้นที่มีอัตราการสูบบุหรี่สูงขึ้น เนื่องจากมีทัศนคติว่าเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ให้ดูมีเสน่ห์ และเห็นว่าเป็นเรื่องของความเสมอภาคทางเพศ ทัดเทียมกับผู้ชาย
“ขณะนี้ผู้หญิงตกเป็นเป้าหมายหลักทางการตลาดของบริษัทบุหรี่ เพราะผู้หญิงยังมีสัดส่วนการสูบบุหรี่น้อยกว่าผู้ชาย บริษัทบุหรี่จึงพยายามใช้กลยุทธ์ต่างๆ ชวนเชื่อให้ผู้หญิงสูบบุหรี่ เช่น เขียนบนซองบุหรี่ว่า มีรสอ่อนหรือสารนิโคตินต่ำ ซึ่งเราได้ขอความร่วมมือกับกรมสรรพสามิตและกรมศุลกากร ไม่ให้มีการนำเข้าบุหรี่ลักษณะนี้ แต่ที่ยังขายกลาดเกลื่อนตามแหล่งวัยรุ่นเป็นบุหรี่เถื่อน ซึ่งไม่มีภาพคำเตือนบนซอง” ผศ.ดร.ลักขณา กล่าว
ด้าน น.ส.สถาพร จิรัตนานนท์ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า ปัจจุบันมีบริษัทบุหรี่ในต่างประเทศได้ผลิตบุหรี่สำหรับผู้หญิง มีลักษณะเป็นมวนเล็กบางและยาว สูบแล้วมีกลิ่นหอมและขายพ่วงกับเครื่องสำอางเพื่อเจาะกลุ่มผู้หญิงโดยตรง เนื่องจากเป็นตลาดที่ยังขยายได้อีกมาก ซึ่งขณะนี้วัยรุ่นหญิงในยุโรปและอเมริกามีอัตราสูบบุหรี่สูงกว่าวัยรุ่นชาย
“แม้ประเทศไทยจะมีกฎหมายควบคุมบุหรี่อย่างเข้มงวด แต่ก็ยังพบว่ามีผู้ลักลอบนำบุหรี่หนีภาษีเข้ามาขาย ส่วนใหญ่จะเป็นบุหรี่ที่มีกลิ่นหอมผลไม้ ช็อกโกแลต กาแฟ เพื่อกระตุ้นให้อยากสูบและยังหาซื้อได้ง่ายตามแหล่งวัยรุ่น เช่น สยามสแควร์ มาบุญครอง สะพานพุทธ ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้วัยรุ่นหญิงไทยเริ่มสูบบุหรี่มากขึ้น” น.ส.สถาพรกล่าว และว่า ในวันที่ 6 มีนาคม มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่จะมีการจัดเสวนาเรื่อง ทำอย่างไรไม่ให้วัยรุ่นหญิงไทยสูบบุหรี่มากขึ้น เพื่อรณรงค์ให้ผู้หญิงรุ่นใหม่ไม่สูบบุหรี่
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
update 25-02-52