สร้างสรรค์ “วันวาเลนไทน์” ยึดหลัก 5 ไม่
ว้าว..ววว!!! ช่วงนี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่สีแดงสดใสเต็มไปหมด ตอนแรกคิดว่าเทศกาลตรุษจีน แต่พอมาคิดดูอีกที เอ!!! มันก็เพิ่งผ่านไปนี่น่า!!! ทั้งหมอนรูปหัวใจ ดอกกุหลาบสีแดงสด อีกทั้งการ์ดแสดงความรักมากมายวางขายกันเกลื่อน นี่คงเป็นสัญญาณบ่งบอกให้เรารู้ว่า เทศกาลแห่งความรักหรือวันวาเลนไทน์กำลังจะมาถึงแล้วแน่นอน..!!! ซึ่ง วันวาเลนไทน์ในปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 14 ก.พ. นั่นเอง
ที่ผ่านมาคนส่วนใหญ่มักให้ความสำคัญกับวันนี้เป็นพิเศษ โดยเฉพาะวัยรุ่น ที่สำคัญเรามักจะได้ยินคำพูดที่ว่า “วาเลนไทน์นี่แหละ!!!…ที่ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการ “เสียตัว”…เป็นวันแห่งการเผด็จศึก มีเพศสัมพันธ์กับคนรัก นั่นถือเป็น “ความเชื่อ” หรือ “ค่านิยม” ที่ผิด ไม่เหมาะสม และไม่ถูกต้อง เพราะถ้าหนุ่ม-สาวแสดงออกถึง “ความรัก” ด้วยการยอมเป็นของกันและกัน… แล้วละก็… เมื่อถึงเวลาที่ค้นพบว่าความรักที่เลือก “ไม่สมหวัง” การตัดสินใจชั่ววูบ มักส่งผลกระทบตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทำให้การเรียนตกต่ำ ทำร้ายร่างกาย หาทางออกปัญหาด้วยการใช้ “ยาเสพติด” และที่ร้ายแรงที่สุดถึงกับตัดสินใจ “ฆ่า” ฆ่าตัวเอง หรืออาจจะ ฆ่าผู้อื่นได้โดยไม่ยั้งคิด สุดท้ายก็อ้างว่าทำเพราะความหึงหวง หรือประชดรัก
แต่ที่น่าตกใจ!!! เมื่อ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายวิชาการเพื่อสังเกตการณ์และวิจัยความสุขชุมชน (ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน) มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ออกมาเปิดเผยผลวิจัยเรื่อง สำรวจสถานการณ์ทางเพศของนักเรียนชั้น ม.1-ม.6 และอิทธิพลของปัจจัยเสี่ยงที่มีต่อการมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน : กรณีศึกษานักเรียนชั้น ม.1- ม.6 ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวนทั้งสิ้น 1,843 ตัวอย่าง พบว่า ร้อยละ 13.2 ระบุเคยมีประสบการณ์ในการมีเพศสัมพันธ์ร่วมหลับนอนกับคนอื่น ในขณะที่ร้อยละ 86.8 ระบุยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ ทั้งนี้เมื่อสอบถามว่าบุคคลที่เคยมีเพศสัมพันธ์ด้วยในครั้งแรกคือใครนั้น พบว่า ร้อยละ 87.6 ระบุแฟน/คู่รัก ในขณะที่ร้อยละ 5.7 ระบุเพื่อนต่างโรงเรียน/เพื่อนต่างสถาบัน ร้อยละ 3.8 ระบุเพื่อนร่วมโรงเรียน/เพื่อนร่วมสถาบัน ร้อยละ 1.9 ระบุผู้ขายบริการทางเพศ ร้อยละ 1.0 ระบุเพื่อนใหม่ที่พบตามเธค ผับ สถานบริการ/สถานบันเทิง
ประเด็นที่น่าสนใจคือ เมื่อสอบถามถึงความคิดความตั้งใจที่จะมีเพศสัมพันธ์ ร่วมหลับนอนกับคนรักในวันวาเลนไทน์ที่จะมาถึงนี้นั้น ผลการสำรวจพบว่า ร้อยละ 3.7 คิดที่จะมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์อย่างแน่นอน ในขณะที่ร้อยละ 22.6 ยังไม่แน่ใจ อย่างไรก็ตามมากกว่า 2 ใน 3 คือร้อยละ 73.7 ระบุไม่มีความคิด/ไม่มีความตั้งใจเช่นนั้นเลย นับเป็นเรื่องดี หากจำนวนการต้องการมีเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่นจะลดลงทุกๆ ปี จนหมดไปเลย
นอกจากการที่วัยรุ่นจะยอมเสียตัวในวันวาเลนไทน์ให้กับแฟนคนรักแล้วนั้น การถูกล่อลวงไปข่มขืน จากโลกออนไลน์ก็เป็นเรื่องที่น่ากลัว เพราะปัจจุบันมันไม่ได้ถูกใช้ไปในทาง “สร้างสรรค์” กลับตรงกันข้าม ทั้งโพสต์ภาพโป๊ หนังลามก…ภาพหลุดแฉ! หรือทำการค้าขายสิ่งผิดกฎหมายทาง Hi5 มีการแชตพูดคุยแล้วล่อลวงเด็กผู้หญิงไปทำอนาจาร…ทุกอย่างล้วนผ่านสื่อทันสมัยที่เรารู้จักและเรียกว่าอินเทอร์เน็ตทั้งสิ้น!
สถานที่ก็ยังเป็นใจ!!!
การที่สถิติวัยรุ่นเสียตัวในวันวาเลนไทน์ยังคงมีอยู่ อาจมีผลพวงมาจากสถานที่ที่เอื้ออำนวยด้วย โดยเฉพาะโรงแรมม่านรูดที่ปัจจุบันมีอยู่เต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด แถมที่สำคัญยังจัดโปรโมชั่น เพิ่มความสะดวกสบายมากมาย อย่างเช่นสะสมแต้ม ใช้ครบ 10 ครั้ง ฟรี 1 ครั้ง จำหน่ายของขวัญ ตุ๊กตา ดอกไม้ และที่แย่ไปกว่านั้น มีการแจกถุงยางฟรี ยิ่งเป็นการส่งเสริมในทางที่ผิดเป็นอย่างมาก ถึงแม้ทางโรงแรมจะออกมาบอกว่าจะคุมเข้มไม่ให้มีผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมาใช้บริการอย่างเด็ดขาดแล้วก็ตาม
ปกป้อง…และป้องกัน!!!
ถึงวันวาเลนไทน์ที…ทำเอาพ่อแม่ ครูอาจารย์ หรือตำรวจเดือดร้อน วุ่นวายไปหมด…เพราะต้องคอยสอดส่องดูแลลูกตัวเองไม่ให้ไปกับคนที่ไม่น่าไว้ใจในคืนวาเลนไทน์……ต่างเป็นห่วง “ความบริสุทธิ์” ของสาวๆ…ว่าจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่
สื่อต่างๆ ก็ประโคมข่าว…ตำรวจไปเข้มงวด ตรวจสถานบันเทิง…ไปซุ่มตรวจโรงแรมม่านรูด…หวั่นจะมีเด็กวัยรุ่นอายุน้อยๆ ถูกล่อลวงชักนำไปทำมิดีมิร้าย…จากมนุษย์ที่ไม่หวังดี ยิ่งช่วงนี้มีการฆ่าข่มขืน…ตกเป็นข่าวหน้า 1 บ่อยเหลือเกิน….อะไรที่มันป้องกันได้ก็ต้องทำ ยังดีกว่ามาแก้ไขเมื่อสายเสียแล้ว…
โดย น.พ.ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมสุขภาพจิต ได้ออกมาแนะนำวัยรุ่นหญิงชายเกี่ยวกับการออกไปเที่ยวในวันวาเลนไทน์ ว่า ควรยึดหลัก 5 ไม่ สำหรับหญิงคือ 1.ไม่แต่งกายยั่วยวน 2.ไม่เชื่อคำพูดเพื่อนชายมากไป และไม่กลัวขู่ขอเลิกหากไม่ยอมมีเพศสัมพันธ์ด้วย 3.ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่ค้างคืน ไม่กลับดึก ถึงบ้านไม่เกิน 22.00 น. 4.ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดูคลิปโป๊ และ 5.ไม่ให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์ผิดทาง โดยเอาเพศสัมพันธ์พิสูจน์รัก สำหรับชายคือ 1.ไม่หวังเผด็จศึก 2.ไม่ทิ้งศีลธรรม 3.ไม่ลืมคิดถึงผลที่ตามมา 4.ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่ค้างคืน ไม่กลับดึก ไม่ดื่มสุราหรือมีคลิปโป๊ และ 5.หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ได้ ไม่ลืมใช้ถุงยางอนามัย
ถึงแม้วันวาเลนไทน์จะเป็นวันแห่งความรักตามความเชื่อของชาติตะวันตกก็จริง แต่หากคนไทยอย่างเราๆ จะแสดงความรักกับบุคคลรอบข้างหรือแม้แต่กระทั่ง “แฟน” ออกมาอย่าง “สร้างสรรค์” และ “บริสุทธิ์ใจ” แล้วละก็เชื่อได้เลยว่าความสูญเสียจะไม่เกิดขึ้นกับสังคมไทยอย่างแน่นอน อย่างคำของพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตยาลัย ที่ออกมาเตือนวัยรุ่น เนื่องในวันวาเลนไทน์ ว่า รักได้แต่ต้อง “รักด้วยสมอง” นั้นมีให้เลือก 4 แบบดัวยกันคือ กลัวตาย-ใคร่-เมตตา-ให้
รักแบบที่หนึ่ง คือ รักตัวกลัวตาย รักชนิดนี้ถ้ามีมาก ๆ จะทำให้เกิดความเห็นแก่ตัว รักแบบที่สอง เป็นรักใคร่ปรารถนา อิงกับสัญชาตญาณการสืบพันธุ์ ความรักชนิดนี้จะทำให้เกิดความลุ่มหลง กามารมณ์ หนุ่มสาวจะยึดความรักชนิดนี้เป็นที่พึ่งของชีวิต ยึดติดความใคร่มาใช้ในนามของความรัก จนกลายเป็นความโลภ คือ อยากจะครอบครองใครสักคนให้อยู่ในความควบคุมของเรา พอควบคุมไม่ได้ความรักก็กลายเป็นความร้ายเป็นโศกนาฏกรรม เช่น ทำร้ายคนรัก เผยแพร่คลิปคนรัก สาดน้ำกรดคนรัก เป็นต้น ส่วนแบบที่สาม คือ รักเมตตาอารี ให้เห็นคนทั้งโลกว่าเป็นมิตรแก่เรา และแบบสุดท้าย รักมีแต่ให้ คือเป็นผู้ให้ รักปัญญาชนไม่คิดจะทำร้ายใคร ไม่หวังผล และพัฒนาจนปลายทางของความรักแท้
เมื่อรู้อย่างนี้แล้วความรักที่ดีนั้น ต้องรักแบบให้เกียรติกัน ช่วยกันเรียนหนังสือ คอยให้ความช่วยเหลือกันและกันในทุก ๆ ด้านที่ดี ๆ จะทำอะไรก็แล้วแต่ ต้องไม่ให้ตัวเองและคนอื่นเสียหายหรือเดือดร้อน ต้องคบกันอย่างมีสติ ไม่หลงไปกับอารมณ์ สิ่งยั่วยุ สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ต้องตั้งสติ รู้จักคิดและกระทำในสิ่งที่ดี ถ้ารักกันอย่างถูกวิธี ก็จะเป็นไปในทางที่สร้างสรรค์ได้ โดยเฉพาะ “วัยรุ่น-วัยเรียน” ต้องตระหนักถึงวิธี “รักอย่างสร้างสรรค์” ถึงจะได้ชื่อว่า รัก “วาเลนไทน์ ฉบับไทย…”
ที่มา : ณัฐภัทร ตุ้มภู่ Team Content www.thaihealth.or.th
Update : 13-02-51
อัพเดทเนื้อหาโดย : ณัฐภัทร ตุ้มภู่