สร้างนักโภชนาการท้องถิ่น เพื่อสุขภาพเด็กไทย
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
เด็กไทยวัยอนุบาลถึงประถมวัย ยังมีปัญหาภาวะทุพโภชนาการ คือภาวะการขาดสารอาหารที่ส่งผลให้เด็กผอมเตี้ย แคระ แกรน การเจริญเติบโต ของสติปัญญาได้ไม่เต็มที่ ตลอดจนทักษะทางด้านอารมณ์ อีกมุมหนึ่งยังมีเด็กจำนวนมากที่มีภาวะโภชนาการ เกินหรืออ้วน แต่ขาดสารอาหาร เตี้ย อ้วน และระดับไอคิวต่ำ
เพื่อให้โภชนาการที่ดีสู่เด็กไทย นำไปสู่การกำหนดทิศทาง และการวางแนวปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จัดเสวนาทางวิชาการ เรื่อง "การบริหารจัดการอาหารกลางวันนักเรียนให้เป็นไปอย่างมีคุณภาพ"
สุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรม ส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวว่า กรมการปกครองท้องถิ่นได้รับงบประมาณ จัดสรรค่าอาหารกลางวันสำหรับเด็กนักเรียนอัตรา 20 บาท/คน/วัน ปีละ 240-260 วัน ซึ่งจะโอนเงินจัดสรรงบประมาณให้ อปท. บริหารจัดการ โดยสถานศึกษาในสังกัดอปท.จะต้องนำเงินเข้าบัญชีธนาคารในนามสถานศึกษา และได้กำชับให้อปท.ตรวจสอบบัญชี ค่าอาหารกลางวันอย่างเคร่งครัด ในวงเสวนา ได้ข้อสรุปร่วมกันถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาอาหารกลางวันที่เกิดขึ้น โดยมีทั้งหมด 4 ข้อ คือ 1.การนำระบบไทยสคูลลันช์ (Thai school lunch) โปรแกรมสำเร็จรูปอาหารกลางวัน 2.ผลักดันให้ท้องถิ่นทั่วประเทศมี นักโภชนาการประจำเพื่อช่วยให้คำแนะนำ 3.แก้ไขกฎระเบียบต่างๆ และ 4.ให้ทุกฝ่ายเข้าไปมีส่วนร่วมในการกำกับดูแลและ ตรวจสอบ
ด้าน สง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการโภชนาการที่ปรึกษากรมอนามัย และ ผู้ทรงคุณวุฒิสำนักงานกองทุนสนับสนุน การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ทุกวันนี้สังคมไทยเข้าใจว่าเด็กกินอะไรก็ได้ ที่ให้อิ่มแล้วจบ แต่เด็กอิ่มเพียงอาหารไม่ได้อิ่มสารอาหาร
"สำหรับแนวทางการพัฒนาอาหารกลางวันในโรงเรียนให้มีคุณภาพ ผมขอเสนอแนะ 6 ข้อ ดังนี้ 1. เร่งรัดให้นำโปรแกรม Thai School Lunch มาใช้ให้ ครอบคลุมทุกโรงเรียนทั่วประเทศ 2. พัฒนาครู และแม่ครัวให้มีความรู้และทักษะการจัดอาหาร กลางวัน 3. จัดระบบควบคุม กำกับ ติดตามที่มีประสิทธิภาพและทั่วถึง 4. เร่งรัดลงทุนให้มีนักโภชนาการท้องถิ่นประจำตำบลละ 1 คน เพื่อทำหน้าที่ส่งเสริมโภชนาการเด็ก 5. ปรับปรุงกฎระเบียบให้เอื้อต่อการพัฒนาคุณภาพอาหารกลางวัน รวมทั้งการพัฒนารูปแบบการจัดอาหารกลางวันให้เหมาะสมกับ บริบทโรงเรียน และ 6. เปิดโอกาสให้ครอบครัว และชุมชนเข้ามาร่วมเป็นเจ้าของ และมีบทบาทที่ชัดเจนในการพัฒนาอาหารกลางวัน"
ผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. กล่าวอีกว่า ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องตอบสนองนโยบายของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คือต้องมีอาหารกลางวันยุค 4.0 นอกจากผลักดัน โปรแกรม Thai School Lunch แล้ว ยังต้องสร้างนักโภชนาการท้องถิ่นในแต่ละอำเภอ และโรงเรียนจะต้องรับครูที่จบด้านคหกรรมอาหารที่ดูแลด้านโภชนาการหรืออาหารกลางวันโรงเรียนละ 1 คน เพื่อความยั่งยืนด้านโภชนาการของเด็ก
"ข้อดีของการมีนักโภชนาการท้องถิ่น ก็คือ เพื่ออบรมให้ความรู้เด็ก คุณครู และผู้ปกครองถึงโภชนาการที่ดีกับเด็ก ส่วนแนวทางการสร้างนักโภชนาการชุมชน มีอยู่ 9 ขั้นตอน ดังนี้ 1. คัดเลือกท้องถิ่น นำร่อง กล่าวคือเลือกจากโรงเรียนที่ ประสบความสำเร็จ 2. โรงเรียนจะต้องรับครูที่จบด้านคหกรรมอาหาร หรือครูอาหารโรงเรียนละ 1 คน 3. นำบุคลากรเหล่านี้มาพัฒนาศักยภาพเราต้องลงทุน เพราะไม่มีการลงทุนใดสำคัญมากไปกว่าการลงทุนสร้างบุคลากรของชาติ 4. ลงมือปฏิบัติในระยะทดลองเป็นเวลา 6 เดือน 5. นำการทำงานตลอด 6 เดือนมาถอดเป็นบทเรียน 6. พัฒนารูปแบบของโรงเรียนต้นแบบ เป็นเวลาอีก 6 เดือน 7. จัดเวทีสรุป ผลการดำเนินงาน 1 ปี 8.ขยายพื้นที่โรงเรียนที่ดำเนินการ และ 9. ผลักดันให้เกิดนักโภชนาการท้องถิ่นทุกจังหวัดเพื่อวางแผนโภชนาการสำหรับเด็กวัยเรียนทั้งในระยะสั้น-ยาว"
ขณะที่ ผศ.ดร.อุไรพร จิตต์แจ้งนักวิชาการด้านโภชนาการชุมชน สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การพัฒนาศักยภาพบุคลากร ในสถานศึกษาให้สามารถจัดหาและตรวจสอบคุณภาพอาหารกลางวันนักเรียนตามหลักโภชนาการเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง จึงต้องสร้างและพัฒนาครูหรือ บุคลากรแกนนำในสถานศึกษาให้มีความรู้ ความเข้าใจ และตระหนักในการจัดอาหารกลางวันที่มีคุณภาพสำหรับนักเรียน
ดร.สุปิยา เจริญศิริวัฒน์ นักวิจัย ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ กล่าวถึง การออกแบบและพัฒนาระบบแนะนำสำรับอาหารสำหรับโรงเรียนแบบอัตโนมัติ Thai School Lunch ว่า โปรแกรมนี้ เป็นระบบที่ทำงานผ่านอินเทอร์เน็ต เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงโปรแกรมได้ง่าย และผู้พัฒนาฯ สามารถทำการเพิ่มเติมและปรับปรุงรายการอาหารและข้อมูลสำรับให้ทันสมัยอยู่เสมอ โดย เนคเทค (NECTEC) ได้พัฒนาเพิ่มการ แนะนำสำรับอาหารแบบอัตโนมัติเพื่อให้ โรงเรียนจัดเมนูอาหารกลางวันได้เร็วและ มีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งในอนาคตระบบนี้จะช่วยให้ต้นสังกัดสามารถติดตามคุณค่าอาหารและงบประมาณ
ในแต่ละโรงเรียนได้แบบ real-time ด้วย เพื่อให้เด็กไทยได้มีอาหารกลางวันที่ "อิ่ม คุ้มค่า ถูกหลักโภชนาการ" อันจะส่งผลต่อภาวะโภชนาการที่ดีขึ้น