สงกรานต์ปลอดภัยได้ผลจริงหรือ?

ภาพของหญิงสาวรุ่นๆ ที่สะบัดเสื้อตัวน้อยออกพร้อมกับท่าเต้นที่ยั่วยวนอย่างไม่ยี่หระสายตาใคร ที่หลงใหลไปกับเสียงเชียร์ของบรรดาชายหนุ่มที่อยู่เบื้องล่าง กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ ในเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และข่าวเด่นข่าวดังพาดหัวไม้ของหนังสือพิมพ์หลายฉบับ สถานีโทรทัศน์ทุกช่องต่างจัดสัมภาษณ์พิเศษเหล่าบรรดานักวิชาการ สตรีแถวหน้าของเมืองไทย คิดวิเคราะห์หาทางออก ทางแก้ และการจัดการ


สงกรานต์ปลอดภัยได้ผลจริงหรือ?


นั่นไม่ใช่สัญญาณที่ดีนักกับประเพณีสงกรานต์ของไทย จากเดิมทีสงกรานต์เป็นประเพณีที่มีแต่ความงดงามทางวัฒนธรรม นายวิษณุ ศรีทะวงศ์ผู้จัดการแผนงานทุนอุปถัมภ์เชิงรุกเพื่อทดแทนธุรกิจแอลกอฮอล์ ด้านประเพณีวัฒนธรรมและการส่งเสริมนโยบายสาธารณะ ให้ความเห็นเรื่องนี้ไว้ว่า ถือว่าเด็กกำลังตกเป็นเหยื่อของธุรกิจแอลกอฮอล์ ที่เข้ามาทำการตลาดในบ้านเราอย่างสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเด็กสาวที่สีลม กะเทยที่พิจิตร จะมีภาพของเด็กออกมาเต้นยั่วยวนพร้อมกับการเมามันกับเครื่องดื่มมึนเมาแบบนี้อยู่ให้เห็นเป็นประจำ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าสังคมไทยไม่ได้เอาจริงเอาจังกับการแก้ปัญหานี้


“เราจะเห็นคลิปที่เผยแพร่ออกมานอกเหนือจากที่เป็นข่าวนี้ ยังมีภาพของเด็ก 7-8 ขวบออกมาเต้นยั่วยวน และมีพ่อแม่นั่งดู ดื่มเหล้าอยู่ข้างๆ ซึ่งถือเป็นภาพที่เราเห็นได้ทุกปี โดยลักษณะแต่ละบ้านจะมีองค์ประกอบคือ เด็กเล่นสาดน้ำหน้าบ้าน มีพ่อแม่นั่งดื่มเหล้า มีเครื่องเสียงเปิดดังๆ ภาพนี้เราเห็นเหมือนกันทั้งประเทศ ทำให้กลายเป็นพฤติกรรมที่ซึมซับให้กับเด็กๆ ทำให้เค้าโตขึ้นมาด้วยบรรยากาศแบบนี้”



นายวิษณุได้เสนอให้เปลี่ยนมุมมองในเรื่องนี้ว่า สิ่งสำคัญเราต้องเชื่อว่าการดื่มเหล้าเบียร์ไม่ใช่วัฒนธรรมไทย เพราะเราหลงเชื่อมานานว่าเหล้าเบียร์ทำให้เกิดความสนุกสนานในงานเทศกาล แต่จากตัวอย่างในอดีตกฎหมายของบ้านเรากำหนดบทลงโทษที่รุนแรงไว้ว่า หากจับได้ว่าใครดื่มเครื่องดื่มมึนเมาจะมีโทษสถานหนัก เพราะเชื่อว่าคนเมาจะประกอบอาชญากรรมได้ทุกอย่าง ซึ่งถือเป็นสิ่งยืนยันว่าเหล้าเบียร์ไม่ใช่วัฒนธรรมของไทย หากเราสามารถเปลี่ยนฐานคิดตรงนี้ได้  ปัญหาก็จะไม่เกิด ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องไปยังกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ต้องปรับเปลี่ยนการทำงานเชิงรุกให้มากขึ้น


ขณะที่เรื่องอื่นๆ ก็ต้องเดินหน้าต่อ อย่างการจัดงานสงกรานต์ปลอดภัยไร้แอลกอฮอล์ ที่กำหนดพื้นที่โซนนิ่งเล่นน้ำปลอดภัย ปลอดเหล้าไว้นั้น นายวิษณุประเมินว่า ปีนี้โดยภาพรวมได้รับการตอบรับค่อนข้างดีมาก สังเกตจากข่าวที่ปรากฏออกทุกสื่อ โดยเฉพาะเรื่องของการเล่นสงกรานต์ไร้แอลกอฮอล์ ภาพการจัดโซนนิ่งในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ถนนข้าวเหนียว จังหวัดขอนแก่น ที่มีการทำสถิติคลื่นมนุษย์ไร้แอลกอฮอล์ ซึ่งถือเป็นตัวอย่างรูปธรรมที่มีการขับเคลื่อนค่อนข้างยิ่งใหญ่ ทั้งนี้สิ่งเหล่านี้เกิดจากความร่วมมือของทั้งเจ้าภาพผู้จัดงานในพื้นที่ เทศบาล ตำบล และการกำหนดเป็นนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่นั้นๆ ซึ่งทำให้การควบคุมและเฝ้าระวังเป็นไปอย่างจริงจัง ทำให้เมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่ที่ไม่มีการควบคุม เช่น ถนนข้าวสาร ถนนสีลม ทั้งอุบัติเหตุจากการขับขี่ ความรุนแรง และการเต้นยั่วยวนก็ไม่มี


ส่วนกรณีที่อาสาสมัครเด็กและเยาวชนสอดส่องดูแลความเรียบร้อย ทำงานเป็นขบวนการตาสับปะรด เป็นนักสืบออนไลน์ เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง หากพบเห็นมีการนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปยังพื้นที่สามารถถ่ายภาพแล้วอัพผ่าน Social media facebook, twitter นั้น ปรากฏว่ามีหลายพื้นที่ที่อาสาสมัครจำนวนมากพบเห็นและนำมาโพสต์ใน facebook, twitter ทั้งการขายเครื่องดื่มในที่ห้ามขาย หรือการขายนอกเวลา แต่การบังคับใช้กฎหมายยังไม่สามารถทำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากนัก ซึ่งเรื่องนี้ก็จะต้องมีการขยายผลและปรับแก้ต่อไป อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในปีหน้าจะมีพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีปัญหาอย่างถนนสีลม หากจะจัดเป็นโซนนิ่งดังกล่าว อันดับแรกเจ้าภาพในพื้นที่จะต้องเอาจริงจัง เพราะถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากว่าคนในพื้นที่จะเห็นถึงความสำคัญหรือไม่


ส่วนอุบัติเหตุบนท้องถนนทั้งสายหลัก สายรองที่หลายหน่วยงานต่างเร่งรณรงค์งดดื่ม งดขับเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนนนั้น นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) บอกว่าจากการประเมินตัวเลขของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2554 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 7 วัน (11 – 17 เม.ย.54) เกิดอุบัติเหตุรวม 3,215 ครั้ง ลดลงจากปีที่แล้ว 301 ครั้ง ร้อยละ 8.56 ผู้เสียชีวิต รวม 271 คน ลดลง 90 คน ร้อยละ 24.93 ผู้บาดเจ็บรวม 3,476 คน ลดลง 326 คน ร้อยละ 8.57 นั้นถือว่าภาพรวมอุบัติเหตุทางถนนและผู้เสียชีวิตลดลง แต่ยังไม่มีใครออกมาพูดว่าได้ผลน่าพอใจ เพราะมีผู้เสียชีวิตถึง 200 กว่าคน แต่จากการวิเคราะห์พบว่าปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมให้สถิติลดลงจากปีที่แล้วคือการบังคับใช้กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เพิ่มขึ้น และหลายพื้นที่มีการประกาศเป็นเขตเล่นน้ำปลอดภัย ไร้แอลกอฮอล์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยเชิงบวกที่มีส่วนลดการเกิดเหตุ ส่วนปัจจัยลบจะเป็นเรื่องของการประสบภัยน้ำท่วมใต้ ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น สภาพเศรษฐกิจ และความไม่มั่นคงทางการเมือง ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจในการออกไปเล่นน้ำและการชะลอการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของประชาชน   


ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ กล่าวด้วยว่า จากการส่งทีมเจ้าหน้าที่ลงสำรวจใน 3 พื้นที่หลัก ได้แก่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นครราชสีมา และพิษณุโลก พบว่าผลการดำเนินงานในจุดตรวจต่างๆ นั้นเจ้าหน้าที่ไม่มีแนวปฏิบัติในเชิงป้องกันแต่จะทำเป็นลักษณะเชิงตั้งรับมากกว่า , ส่วนพฤติกรรมการดื่มห้ามขายในพื้นที่ห้ามขายอย่างปั๊มน้ำมัน ปีนี้ในพื้นที่ที่ตนลงสำรวจนั้นยังไม่พบการละเมิด แต่กลับพบปัญหาการดื่มกันเองภายในบ้านเรือนที่ใกล้เคียงพื้นที่โซนนิ่ง ตรงนี้เป็นเรื่องยากที่เจ้าหน้าที่จะป้องกันได้ ซึ่งคงต้องดูว่ากฎหมายจะจัดการเรื่องนี้ได้อย่างไร


“ผมว่าต่อไปภาครัฐน่าจะขับเคลื่อนประเพณีสงกรานต์ว่าจะเอาอย่างไร โดยกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องน่าจะปรับเปลี่ยนค่านิยมการเล่นน้ำใหม่ เพราะไม่อย่างนั้นผมเชื่อว่าอีกไม่เกินสิบปี หากยังมีพฤติกรรมเล่นน้ำแบบนี้ สงกรานต์บ้านเราคงเละ รวมถึงข้อเสนอต่างๆ ที่กำหนดในประกาศและระเบียบต่างๆ ตรงนี้ต้องชัดเจน คือควรมีการเอาจริงเอาจังกับการบังคับใช้กฎหมายให้เคร่งครัดกว่าเดิม โดยเฉพาะเรื่องการสอบสวนย้อนเอาผิดกับผู้ประกอบการที่ขายสุราให้กับเด็กที่อายุไม่ถึงกำหนด แล้วไปกระทำผิด เพราะต้องถือว่าเป็นความผิดทั้งของเด็กและผู้ประกอบการเอง ซึ่งหากมีการทำตรงนี้ได้ ผมว่าผู้ประกอบการจะระวังตัวมากขึ้น และเราก็หันมาส่งเสริมให้เด็กทำกิจกรรมเข้าวัด โดยให้เด็กช่วยเป็นผู้ดูแลจัดระเบียบ คอยอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวในวัดวาอาราม เป็นการเปิดโอกาสให้เด็กเข้ามาทำงานกับวัดมากขึ้น”นายพรหมมินทร์กล่าว


วันนี้แม้เทศกาลแห่งความสุข สนุกสนานรื่นเริงจะหมดไป แต่บางพื้นที่ยังคงจัดกิจกรรมอยู่ เช่นเทศกาลวันไหลที่ชลบุรี หรือการเล่นน้ำที่พระประแดง ดังนั้น สิ่งที่เป็นจุดบกพร่องกับงานที่ผ่านมา น่าจะเป็นบทเรียนให้กับงานที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วอึดใจ ให้เป็นงานสงกรานต์แห่งความสุขอย่างแท้จริง


 


 


เรื่องโดย : สุนันทา สุขสุมิตร Team content www.thaihealth.or.th


 


 

Shares:
QR Code :
QR Code