ศิลปินสร้างงาน-ศิลปะสร้างสุขภาวะให้สังคมไทย
ศิลปินแห่งชาติ นับเป็นทรัพยากรบุคคลที่สำคัญของประเทศเลยทีเดียวก็ว่าได้ เพราะบุคคลเหล่านี้ได้สืบสานงานศิลปะนานัปชนิดของชาติให้มีการเชื่อมโยงจากอดีตมาสู่ปัจจุบัน ถ่ายทอดภูมิปัญญาของบรรพบุรุษแต่ครั้งในอดีตสืบไปยังอนาคตข้างหน้า จึงจำเป็นต้องมีวันที่เรียกว่า “วันศิลปินแห่งชาติ” ซึ่งตรงกับวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ของทุกปี
การกำหนดให้วันดังกล่าวเป็นวันศิลปินแห่งชาติ เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 แห่งราชวงศ์จักรี ผู้ทรงเป็นพระปฐมบรมศิลปินแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ด้วยทรงพระปรีชาสามารถในศิลปกรรมหลายสาขา ดังนั้น เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่นี้ คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติประกาศให้วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็นวันศิลปินแห่งชาติ
ศิลปิน นอกจากจะสืบสานงานศิลปะต่างๆ แล้วนั้น ยังสามารถช่วยเหลือสังคมได้ในหลายอย่าง โดยเฉพาะการสร้างเสริมสุขภาวะคนไทย ที่กล่าวมานั้นมิใช่เรื่องเกินจริงแม้แต่น้อย ซึ่งหนึ่งในศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ (กวีนิพนธ์) ประจำปี พุทธศักราช 2536 อย่าง อาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ บอกกับเราว่า ศิลปินเป็นผู้สร้างสรรค์งานศิลปะ อันเป็นเรื่องพื้นฐาน ส่วนในแง่ของสังคม ศิลปะเป็นสื่อของอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ มนุษย์มีความรู้สึกนึกคิด ในการแสดงออก บางทีไม่จำเป็นต้องใช้ภาษา ดนตรีไม่มีเนื้อร้อง โขน หรืองานจิตรกรรม เมื่อดูแล้วเกิดความรู้สึก ดังนั้น คุณค่าของงานศิลปะจึงอยู่ที่ การบันทึกด้วยอารมณ์ความรู้สึกของมนุษยชาติเอาไว้ เพราะฉะนั้น โดยองค์รวมของงานศิลปะ มันเป็นอลังการของภูมิปัญญา แสดงถึงความมีอารยของชาติ ของสังคม นี่เหละคือศิลปะของศิลปิน
“ที่สำคัญไปกว่านั้น ผมเป็นคนเขียนกาพย์กลอน ก็คิดว่าศิลปะนี้จะเป็นเครื่องมือในการสร้างสุขภาวะที่ดีได้ เพราะนอกจากความบันเทิงแล้ว ศิลปะอย่างกวีสามารถช่วยขัดเกลาจิตใจ ทำให้คนมีจิตใจที่ดี งดงาม ทำให้พ้นจากความหยาบ เขลา และยังเพิ่มพูน ประเทืองปัญญา ประเทืองอารมณ์ ปลอบใจ ปลุกใจคนให้มีกำลังใจ จะได้คิดดี เป็นคนดีของประเทศต่อไป” อาจารย์เนาวรัตน์กล่าว
อาจารย์เนาวรัตน์ บอกต่อว่า นอกจากความบันเทิงแล้ว สิ่งที่งานศิลปะให้กับผู้สร้างและผู้รับชมพร้อมๆ กันอีกอย่าง คือความสุข
“ขณะที่ผมเขียนงาน บทกวี ผมมักมีความสุข ไม่เหงา สามารถอยู่คนเดียวได้ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว มันก็เป็นการเยียวยาจิตใจได้ ในตัวคนที่ชอบอ่านก็จะมีความสุขไปด้วย และเมื่อความสุขเกิดขึ้นไม่ว่าจะกับใคร นั่นก็แปลว่าสุขภาพจิตของเขาก็จะดีขึ้นตามไปด้วย เมื่อสุขภาพจิตแข็งแรง สังคมก็จะแข็งแรงตามไปเช่นกัน” อาจารย์เนาวรัตน์กล่าว
ศิลปินแห่งชาตินั้นมีหลายสาขาด้วยกันไม่เพียงแค่สาขาวรรณศิลป์ เท่านั้นที่สามารถสร้างเสริมสุขภาวะ อย่างสาขาศิลปะการแสดง ศิลปินแห่งชาติ ปี 2536 อย่าง อาจารย์ฉวีวรรณ ดำเนิน (พันธุ) ก็สามารถทำช่วยสังคมได้ โดยอาจารย์บอกกับเราว่า ศิลปะที่ศิลปินสร้างสรรค์นั้น สามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างมากในมุมมองหนึ่งเลยทีเดียว เพราะจากที่ได้ทำงานกับสังคมมา พบปัญหามากมายโดยเฉพาะกับเด็กและเยาวชน ไม่ว่าจะทะเลาวิวาท ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ แม้กระทั่งยาเสพติด ซึ่งถือเป็นปัญหาที่อันตรายต่ออนาคตของชาติ แต่สิ่งเหล่านี้สามารถลดลงจะหมดไปได้ด้วยงานศิลปะ
“อย่างที่อาจารย์ทำมาคือการใช้ด้านศิลปะการแสดง ด้วยการดึงเด็ก เยาวชนเข้ามามีส่วนร่วม ใช้ศิลปะ วัฒนธรรมดีงาม ขัดเกลาจิตใจ ใช้บทบาทสมมุติการแสดงชี้ให้เห็นสิ่งผิดชอบ ชั่วดีในสังคม เห็นผลจากการกระทำผิด ซึ่งได้ผลดี และนี่คือสิ่งที่ศิลปะให้ประโยชน์กับสังคม” อาจารย์ฉวีวรรณ
อาจารย์ฉวี บอกต่อว่า หากเราใช้ศิลปะเยียวยาสังคมได้ในทุกพื้นที่ของปัญหา ยิ่งลงลึกได้มากเท่าไหร่ ยิ่งแก้ได้มากเท่านั้น เชื่อได้เลยว่าอนาคตสังคม และประเทศจะดีขึ้น ลดลงและหมดไปในที่สุดอย่างแน่นอน
“ส่วนตัวมีความเชื่อว่า เมื่อศิลปะอยู่ที่ใด ความสุขก็จะเกิดที่นั่น ทั้งรอยยิ้ม ความสนุกสนาน ความสบายใจ และรู้สึกผ่อนคลาย นั่นส่งผลให้สุขภาพใจดี และร่างกายก็จะดีตามไปด้วย” อาจารย์ฉวีวรรณกว่าว
เห็นแล้วนะคะว่าศิลปินที่สร้างงานศิลปะ สามารถสร้างเสริมสุขภาพใจให้คนเราได้ เพราะหากเมื่อใจดีเข้มแข้ง ก็จะส่งผลให้สุขภาพกายดีตามไปด้วย และเมื่อบุคคลสำคัญอย่า
ศิลปินแห่งชาติ มอบสิ่งดีๆให้กับสังคม สร้างสุขภาวะที่ดีให้เกิดขึ้น สืบสานวัฒนธรรมเก่าๆที่ดีงามให้ยังคงไว้ เราก็ควรระลึกถึงผู้ที่ทำประโยชน์และหันมาให้ความสนใจกับศิลปะให้มากขึ้นนะคะ เพื่อประเทศไทยเราจะได้มีแต่แต่รอยยิ้มที่มีความสุขต่อไป
เรื่องโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่