‘วิ่งสู่ชีวิตใหม่’…เมื่อใจพร้อม

‘วิ่งสู่ชีวิตใหม่’…เมื่อใจพร้อม

ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ที่ปรึกษาคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพเขียนหนังสือกระตุ้นให้ผู้อ่านตระหนักถึงความสำคัญการดูแลสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพกายและหรือสุขภาพใจ มีวิธีทำง่ายๆ ลงทุนน้อยทำได้แทบทุกโอกาส ยกเว้นเวลานั่งเวลานอนเท่านั้นคือการ “วิ่งออกกำลังกาย” ท่านออกหนังสือมาชื่อ “วิ่งสู่ชีวิตใหม่” นั่นหมายถึงว่าออกกำลังกายเท่ากับได้ชีวิตใหม่

ท่านเขียนไว้ให้คิดและเกิดสติอย่างถ้อยความที่ว่า “การเดิน วิ่ง ออกกำลังกายนั้น ไม่มีจำกัดอายุและเพศ ยิ่งอายุมากขึ้นอาจยิ่งต้องหาเวลาออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ เพราะการใช้ชีวิตที่สบายจนเกินไปนั่นแหละ คือ ตัวการสำคัญที่บั่นทอนสุขภาพ”

คุณหมอเป็นหนึ่งในผู้จุดกระแสการวิ่งเพื่อสุขภาพ (JOGGING) เน้นย้ำให้ทุกคนได้เห็นว่าการวิ่งออกกำลังกายไม่เกี่ยวกับเพศและวัย แต่สามารถเริ่มต้นได้ทันที เมื่อมีใจที่พร้อม สอดคล้องกับคำบอกเล่าของนักวิ่งมากหน้าหลายตาที่มาร่วมงาน “วิ่งสู่ชีวิตใหม่” (Thai Health Day Run 2013) ที่ปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ณ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ เมื่อหลายวันที่ผ่านมา

“ฟลุ๊ค -วัฒนา งามเจริญพร”  อายุ 24 ปีนักวิ่งหน้าใหม่บอกว่า การเข้าร่วมงานวิ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกพี่ที่รู้จักชวนมาวิ่งมาราธอน 10 กิโลเมตร ซึ่งตอนแรกก็ไม่มั่นใจว่าจะทำสำเร็จแต่พอได้ลองวิ่งถึงรู้ว่า ร่างกายและความพร้อมเป็นแค่ส่วนหนึ่ง เพราะเชื่อว่าหัวใจสำคัญกว่า

“ตอนเด็กๆ ผมอ้วน ก็เลยใช้การวิ่งเพื่อลดน้ำหนักก่อน วิ่งแล้วก็ติดและวิ่งเรื่อยมา ปกติผมจะเล่นกีฬาและออกกำลังกายเป็นประจำอยู่แล้วเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และสิ่งที่ประทับใจในการมาร่วมงานวิ่งครั้งนี้คือ ทำให้เห็นมิตรภาพระหว่างนักวิ่ง ทั้งคนที่รู้จักกันและไม่รู้จักกันก็ยิ้มให้กัน พูดคุยและทักทายกัน ซึ่งผมว่าสำหรับใครที่ไม่เคยวิ่งต้องมาลองพิสูจน์ด้วยตัวเองเพราะผมเชื่อว่าถ้ามาครั้งแรกแล้วก็จะอยากมาอีกส่วนผมก็จะมาอีกแน่นอน” ฟลุ๊คว่า

ส่วนนักวิ่งรุ่นเล็ก “น้องชาญทิ- ด.ญ.ชาญทิจงรักษ์” อายุ 10 ปี และ “น้องชักก้า- ด.ช.ชักก้า โจสโพพ” อายุ6 ปี ที่ควงคุณแม่และพี่สาวนั่งรถไฟมาไกลจากอำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย น้องชาญทิบอกว่า

“หนูกับน้องฝึกวิ่งมาตั้งแต่เด็กๆ ค่ะ เพราะเห็นคุณพ่อกับคุณแม่ไปวิ่งแล้วมีถ้วยรางวัลกลับมา จากนั้นก็เริ่มซ้อม แล้วทั้งครอบครัวก็ไปงานวิ่งหลายรายการมาก หนูชอบวิ่งเพราะเวลามาเจอคนวิ่งเยอะๆ แล้วสนุกดี และคุณพ่อก็สอนด้วยว่าการวิ่งออกกำลังกายเป็นประจำจะทำให้ร่างกายแข็งแรงด้วยค่ะ” น้องชาญทิเล่าอย่างตื่นเต้น

ปิดท้ายด้วยคำบอกเล่าจากนักวิ่งรุ่นใหญ่ “พลตรีธีระ คล้ายอ่างทอง”ที่ปรึกษาสมาพันธ์ชมรมเดินวิ่งเพื่อสุขภาพไทย วัย 71 ปี อดีตแชมป์กีฬาซีเกมส์ที่รักการวิ่งมาตั้งแต่เด็ก บอกว่า อายุไม่ใช่อุปสรรคในการวิ่ง เพราะนักกีฬาส่วนใหญ่จะกินอาหารเยอะ และถ้าไม่ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องร่างกายจะขาดการเผาผลาญพลังงานทำให้เกิดโรคอ้วนและโรคอื่นๆ ตามมา สุขภาพจะแย่ลงเรื่อยๆ ดังนั้นการวิ่งออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอในผู้สูงวัยจึงเป็นเรื่องที่ดีมาก

“การวิ่งสำหรับผมถือเป็นอาหาร 1 มื้อ เราหยุดกินไม่ได้ เราก็หยุดวิ่งไม่ได้ บางวันตื่นเช้ามาก็กินน้ำเปล่า แล้วก็ล้างหน้าไปวิ่งเลย ในบางวันที่เราวิ่งไม่ได้หรือไม่มีเวลาวิ่งก็ออกกำลังกายอย่างอื่นแทนได้ เช่นการแกว่งแขนอยู่กับที่ ส่วนข้อดีของการวิ่งมาราธอนคือ ยิ่งวิ่งก็ยิ่งมีเพื่อนเยอะเพราะการได้พบปะผู้คนที่มีความชอบในเรื่องเดียวกันทำให้ได้พูดคุยกัน เป็นเพื่อนกัน และการวิ่งก็กลายเป็นกีฬาที่สร้างความสามัคคีได้เช่นกัน” นักวิ่งรุ่นใหญ่ทิ้งท้าย

นับหนึ่งวันนี้สร้างใจให้พร้อม “วิ่ง” ออกกำลังกายพรุ่งนี้ได้ “ชีวิตใหม่”สุขภาพเข้มแข็ง

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามรัฐ

Shares:
QR Code :
QR Code