วัตรปฏิบัติที่ดีของพุทธศาสนิกชน

เข้าพรรษา หน้าฝน เป็นช่วงเวลาอีกคราหนึ่งที่พระสงฆ์จะอธิษฐานว่าจะพักประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ตลอดระยะเวลาฤดูฝนที่มีกำหนดเป็นระยะเวลา 3 เดือน ตามที่พระธรรมวินัยบัญญัติไว้ และถือเป็นโอกาสอันดีที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยจะบำเพ็ญกุศลด้วยการเข้าวัดทำบุญใส่บาตร ฟังพระธรรมเทศนา ซึ่งสิ่งที่พิเศษจากวันสำคัญอื่น ๆ คือ มีการถวายหลอดไฟหรือเทียนเข้าพรรษา และผ้าอาบน้ำฝน (ผ้าวัสสิกสาฏก) แก่พระสงฆ์ด้วย เพื่อสำหรับให้พระสงฆ์ได้ใช้สำหรับการอยู่จำพรรษา โดยในอดีต ชายไทยที่เป็นพุทธศาสนิกชนเมื่ออายุครบบวช (20ปี) จะนิยมถือบรรพชาอุปสมบทเป็นพระสงฆ์เพื่ออยู่จำพรรษาตลอดฤดูพรรษากาลทั้ง 3เดือน โดยพุทธศาสนิกชนไทยจะเรียกการบรรพชาอุปสมบทเพื่อจำพรรษาตลอดพรรษากาลว่า “บวชเอาพรรษา”



พระครูปลัดราชันย์ อริโย เจ้าอาวาสวัดวังศาล ต.วังศาล อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า วัตรปฏิบัติวันเข้าพรรษา วันอาสาฬหบูชาที่พุทธศาสนิกชนที่ดีควรปฏิบัติคือการทำบุญตักบาตร ฟังเทศน์ ฟังธรรม รักษาศีล 5 หรือ ศีล 8 ตามแต่สะดวก  เพียงขอให้ปฏิบัติเป็นพอ  หลักใหญ่คือ การสร้างความดีให้ตนเอง เพราะความดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง สิ่งใดไม่ดี ก็เอาออกมาจากใจ และที่สำคัญทุกคนมีจิตใจ แต่สิ่งที่ขาดคือจิตสำนึก ไม่ว่าจะเป็นสำนึกต่อการเป็นลูกที่ดี ต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ดังนั้น ต้องปลูกจิตสำนึกที่ดีให้กัน ยิ่งปลูกฝังตั้งแต่ยังเป็นเด็กยิ่งดี เพราะจะเห็นว่าทุกวันนี้คนบวชเรียนน้อยลง อาจเป็นเพราะติดเรียน ติดหน้าที่การงาน กลับกลายเป็นการบวชเรียนเพียงเพื่อทดแทนคุณพ่อแม่ หรือบวชตามประเพณีเพียงเท่านั้น อย่างไรก็ตามครอบครัวก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ ที่จะมีหน้าที่ปลูกฝังสิ่งดีงาม และการเป็นต้นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก เป็นเพื่อนของลูก เมื่อลูกมีปัญหา ลูกจะได้พูดคุยได้อย่างวางใจเหมือนที่นำไปพูดกับเพื่อน


“จริงๆ ทุกวันนี้ชีวิตเราคนไทยก็ใช่ว่าจะมีความสุขเท่าไหร่ แต่ขอให้ให้ยึดความดีเอาไว้เหนือหัว เอาชั่วไว้ที่เท้า รักษาความดี เหมือนน้ำทะเลที่รักษาความเค็ม และพ่อแม่ก็ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีของลูก คือภาพยนตร์ตัวอย่างที่ดีของลูก ไม่ใช่กินเหล้า เมายา ทะเลาะเบาะแว้งให้ลูกเห็นเป็นแบบอย่าง” พระครูปลัดราชันย์กล่าว


พระครูปลัดราชันย์ ยังสะท้อนความคิดเห็นส่วนตัวในยามที่ญาติโยมไปร่วมทำบุญตักบาตรให้ฟังว่า การทำบุญตักบาตรที่บ้านบางครั้ง ดูเหมือนจะได้บุญมากกว่าไปทำบุญตักบาตรที่วัด เหตุผลที่เป็นเช่นนั้น เพราะคนที่ไปทำบุญที่วัดปัจจุบันนี้มักสวมใส่เครื่องประดับล้ำค่ามากมาย หวังจะมาอวดเพื่อนบ้าน ว่ามี ว่าร่ำรวย ยามที่พบเจอเพื่อนบ้านที่ไม่ได้เจอกันมานาน ก็นั่งพูดคุยกันไม่เกรงใจพระ จนไม่รู้ว่าพระท่านกำลังเทศน์ หรือสอนเรื่องใดให้ฟัง 


แม้สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงสะท้อน แต่ก็เกิดขึ้นจริงกับพุทธศาสนิกชนที่มักใช้วัดเป็นเครื่องบังหน้าว่าได้ทำบุญแล้ว แต่ในใจนั้นยังคงซึ่งกิเลสที่มีมากเหลือ 


ขณะที่ “สมณะจันทเสฏโฐ หรือ ท่านจันทร์”แห่งสำนักสันติอโศกกล่าวว่า ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาและวันอาสาฬหบูชานั้น พุทธศาสนิกชนควรเปิดโอกาสให้ตนเองได้มีกิจวัตรประจำวันที่ใกล้ชิดกับธรรมะ ซึ่งการที่จะใกล้ชิดกับธรรมะนั้น ปฏิบัติได้ง่ายๆ โดยเริ่มได้จาก 1.อ่านหนังสือธรรมะหรือเลือกรับสื่อธรรมะทุกวัน ซึ่งจะช่วยทำให้จิตใจไม่ฟุ้งซ่านและได้ทบทวนถึงพระธรรมคำสอนเพื่อนำไปปฏิบัติ โดยอาจจะอ่านก่อนนอนแทนการดูละคร หรือดูรายการบันเทิงอื่นๆ ก็จะทำให้ใจสงบไม่ฟุ้งซ่าน


2.ใส่บาตรทุกวัน หรือสวดมนต์ นั่งสมาธิทุกวัน เป็นการปฏิบัติตามหลักพุทธศาสนา เมื่อใจร่มเย็นก็จะทำให้กายเราเป็นสุข และอยากปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามคำสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า


“ประการที่ 3 คือ หาโอกาสไปวัดทุกวันพระ หรือทุกครั้งที่มีโอกาส เพราะการนำตัวเองเข้าไปอยู่ในพื้นที่วัด อย่างน้อยจะทำให้เราได้นึกถึงพระธรรม และได้เห็นกิจปฏิบัติของสงฆ์ เป็นการนำตัวเองเข้าไปใกล้ชิดกับธรรมะ อย่างน้อยก็ได้ไปไหว้พระ หรือทำบุญ ทำทาน ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่พุทธศาสนิกชนควรปฏิบัติ ไม่เฉพาะในช่วง 3 เดือนนี้เท่านั้น แต่สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ตลอดไป อันจะส่งผลให้เราเป็นสุขด้วย”ท่านจันทร์กล่าว
 


เข้าวัดในวันพระใหญ่ในครานี้ มีวันหยุดยาวต่อเนื่องให้หลายคนได้ชื่นใจ ด้วยความเป็นผู้ที่กรอกข้อมูลของตนว่านับถือศาสนาใด ก็หวังเพียงว่าอย่าเสียชื่อเมื่อต้องระบุศาสนาที่นับถือคือศาสนาพุทธ ขอให้เป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี ที่มีวัตรปฏิบัติที่เหมาะ ที่ควร ที่เป็นเยี่ยงย่างต่อรุ่นลูกรุ่นหลาน ให้มีเรื่องดีๆ เอาไว้ให้บอกต่อกันต่อไป


 


เรื่องโดย: สุนันทา สุขสุมิตร Team content www.thaihealth.or.th


 

Shares:
QR Code :
QR Code