ฤดูไข้หวัดใหญ่ระบาด
ทุกปีไข้หวัดใหญ่จะระบาดในเดือนกรกฎาคมถึงกันยายนหลายคนเข้าใจว่าไข้หวัดใหญ่จะระบาดมากในฤดูหนาวความเป็นจริงสำหรับประเทศไทย การระบาดจะเกิดขึ้นในฤดูฝนมากกว่าฤดูหนาว ใน 2-3 ปีที่ผ่านมามีไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ระบาดอย่างมากช่วงมิถุนายนถึงกันยายน
ปีนี้จากการติดตามการระบาดของโรค โดยศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ พบว่าการระบาดของไข้หวัดใหญ่ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนกรกฎาคม สายพันธุ์ที่มีการระบาดอย่างมาก เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล h3n2 นอกจากนี้ เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และไข้หวัดใหญ่ชนิดบี พบการระบาดจำนวนมากในกรุงเทพฯ
ผู้ป่วยจำนวนหนึ่งมีอาการมากถึงกับต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล อาการของโรค ประกอบไปด้วยไข้สูง (เกินกว่า 38 องศาเซลเซียส) ปวดเมื่อยตามตัว กระบอกตา มีอาการทางระบบทางเดินหายใจ เจ็บคอ มีน้ำมูก ไอ ในรายที่รุนแรง จะมีอาการแทรกซ้อน หลอดลมและปอดอักเสบ ปอดบวมได้ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี ผู้สูงอายุ (ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี) คนอ้วน (ดัชนีมวลกายเกินกว่า 30) ผู้ที่มีโรคเรื้อรังเช่น โรคปอด หัวใจ เบาหวาน โรคมะเร็ง ฯลฯ
กลุ่มบุคคลดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้โรครุนแรงหรือเกิดภาวะแทรกซ้อน ทำให้เสียชีวิตได้ การระบาดของโรคในปีนี้เป็นสายพันธุ์ไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่เรียกว่า “h3n2” เป็นไข้หวัดใหญ่ชนิด a การถอดรหัสพันธุกรรมจากสายพันธุ์ที่ระบาดในประเทศไทย b4478 และ h2973 ทำให้เชื่อได้ว่าร้อยละ 57 ถึงร้อยละ 98-99 มีความคล้ายคลึงกับสายพันธุ์ “a/perth/16/2009″(h3n2) ที่อยู่ในวัคซีน การให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ในปัจจุบัน สามารถป้องกันการป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ได้ ผู้ที่ต้องสงสัยว่าป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ ควรพบแพทย์เพื่อประเมินการรักษาที่เหมาะสม การให้ยาต้านไวรัส”oseltamivir” โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง
การป้องกันการระบาดทำได้เช่นเดียวกันกับช่วงมีการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 คือ การล้างมือเมื่อป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ ควรใส่หน้ากากอนามัย กินร้อนช้อนกลาง และล้างมือ
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน