รู้ทัน (เหล้า)… ก่อนตกเป็นเหยื่อ

เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงกับเหยื่อ…เครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับหนทางที่ก้าวพ้น อันตรายจากยอดข้าว

รู้ทัน (เหล้า)... ก่อนตกเป็นเหยื่อ

ป๋อง เด็กชายวัย 18 ปี นักศึกษา ปี 1 ก้าวสู่รั้วมหาวิทยาลัย เริ่มกิจกรรมรับน้องกับรุ่นพี่ด้วยการดื่มเหล้าแข่งกัน แน่นอนว่ารุ่นพี่ย่อมไม่ยอมเสียเชิงรุ่นน้อง จึงแอบให้พนักงานรินน้ำชาให้ตนเองแทนเหล้า

ส่วนน้องใหม่ด้วยความที่อยากเอาชนะ และพิสูจน์ว่าคอแข็ง ดื่มอย่างจริงจัง จนสภาพร่างกายรับไม่ไหวต้องขับพิษออกมาจากร่างกายด้วยการอาเจียน จากนั้นดื่มต่ออีกจน อาเจียนเป็นครั้งที่สอง

ยิ่งเมื่อรุ่นพี่ท้าทาย รุ่นน้องเพิ่มสปีด จนต้องเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำอีกครั้ง นานมากจนรุ่นพี่รู้สึกผิดสังเกต จึงเข้าไปตาม ปรากฏว่า ชายหนุ่มนอนกองอยู่กับพื้นห้องน้ำ ตัวเขียว เพราะช็อกจากการดื่มเหล้าเกินขนาดจึงไปกดประสาท กดศูนย์การหายใจทำให้หัวใจหยุดเต้น

จากกิจกรรมต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้องกลายเป็นความโศกเศร้าเสียใจเกิดขึ้นกับพ่อแม่ รวมทั้งตราบาปที่ติดอยู่กับรุ่นพี่คนนั้นไปตลอดชีวิต

จิ๋ว ทารกหญิงวัย 3 ขวบ นั่งอยู่ในรถเก๋งพร้อมพ่อแม่ ระหว่างทางมีรถบรรทุกขนาดใหญ่ หลุดโค้งปาดเข้ามาชนเพราะคนขับเมาสุรา ณ วินาทีนั้น สิ่งสุดท้ายที่แม่จิ๋วทำคือการโยนลูกน้อยออกจากรถ ผลปรากฏว่าเธอรอดชีวิต แต่ท้องแตก ไส้ทะลักออกมา กลายเป็นเด็กพิการ กำพร้าพ่อแม่

ชัย เชฟวัย 38 ปี เข้าข่ายเป็นโรคติดเหล้าเรื้อรัง (alcoholism) โดนไล่ออกจากงานบ่อยๆ ทำงานที่ไหนไม่นาน จนภรรยาทนไม่ไหวเลิกรากันไป แต่เขาก็ยังคงส่งเสียเงินค่าเลี้ยงดูลูกอยู่ กระทั่งวันหนึ่ง ดื่มจนไร้สตินอน ใกล้กับกองขยะที่มีเด็กทารกถูกทิ้งไว้ ทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่า เป็นคนนำเด็กมาทิ้งไว้ เมื่อตำรวจสอบปากคำ ยังไม่ได้สติ ทำให้ต้องเข้าไปนอนในคุกอยู่หลายวัน

รู้ทัน (เหล้า)... ก่อนตกเป็นเหยื่อ

ทั้งหมด คือตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงกับเหยื่อ…เครื่องดื่มแอลกอฮอล์  ทั้งทางตรงและทางอ้อม และเป็นคำถามที่เราต้องย้อนกลับมาคิดนอกกรอบว่า จะป้องกันปัญหานี้อย่างไร

มาตรการป้องกัน

นางศรีศักดิ์ ไทยอารี ผู้อำนวยการสภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชน มองว่า นอกจากจะให้ความรู้เพื่อป้องกันตนเองแล้วจำเป็นต้องมีพื้นที่สำหรับวัยรุ่นได้มีกิจกรรมที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับเด็ก เพื่อให้เด็กรู้จักรักตัวเอง เด็กที่รักตัวเองจะรู้สึกว่า ตัวเองมีคุณค่าเกินกว่าจะยอมไปเสี่ยงกับการดื่มแอลกอฮอล์เพื่อพิสูจน์ความกล้า

การวางรากฐานทางจิตใจให้เด็กมี “หิริโอตตัปปะ” คือ ควบคุมตนเอง สามารถทนและมีแรงต้านทานต่อแรงกดดันของกลุ่มเพื่อนได้ เช่น เพื่อนๆ คนรู้จัก ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กันหมดแล้ว ถ้าไม่ดื่มจะเชย แปลกแยกจากคนอื่น

อีกประการหนึ่งที่สำคัญคือ การรู้เท่าทันสถานการณ์สอนให้เด็กรู้จักคิดวิเคราะห์ รู้จักคิดหาทางออกเพื่อเอาตัวรอดได้ในสถานการณ์นั้นๆ และสามารถตัดสินใจได้อย่างเหมาะสม เช่น ไม่เข้าไปอยู่ในวงเหล้า

ปัจจัยที่สำคัญสำหรับเด็กคือ พ่อ แม่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก ด้วยการไม่ดื่ม หรือใช้ลูกไปซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คอยให้คำแนะนำและสอนเขาให้รู้ถึงอันตรายที่เกิดจากการดื่ม เช่น อุบัติเหตุ

“พ่อแม่ ต้องสอน แนะนำให้เด็กสามารถอยู่รอดได้ ท่ามกลางสิ่งยั่วยวนใจตามสถานที่ต่างๆ ปลูกฝังและสร้างทัศนคติเกี่ยวกับเหล้า เบียร์ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี  ดื่มแล้วให้โทษต่อร่างกาย จิตใจ สอนลูกให้กล้าที่จะปฏิเสธหากเพื่อนให้ลอง”

นอกจากนี้ควรหากิจกรรมที่มีประโยชน์ให้ลูก เช่น ออกกำลังกาย เล่นกีฬา เล่นดนตรี รวมถึงกิจกรรมที่ช่วยสร้างเสริมทักษะและพัฒนาการให้กับลูก เช่น เข้าค่ายเยาวชนห่างไกลยาเสพติด การฝึกงานช่วยเหลือชุมชน ทำให้ลูกห่างไกลจากกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

กำลังใจ= ยาวิเศษ 

นพ.แท้จริง ศิริพานิชนพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เลขาธิการสมาคมป้องกันปัญหาจากสุราแห่งประเทศไทย ที่ปรึกษาองค์การอนามัยโลก ด้านอุบัติเหตุ บอกว่า ปัญหาการติดสุรา ถือเป็นความเจ็บป่วยด้านจิตใจ ที่มีสาเหตุ มาจากหลายปัจจัย เช่น ด้านชีวภาพ บุคลิกภาพ และสิ่งแวดล้อม

“คนดื่มเหล้าส่วนใหญ่ ต้องการระบายความทุกข์เพราะเมื่อดื่มแล้วรู้สึกหลุดออกไปจากโลกความจริง”

ผู้เชี่ยวชาญปัญหาจากสุรา ระบุว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของคนที่ติดสุรา มาจากจิตใจ ดังนั้นการบำบัดรักษาต้องแก้ปัญหาทางจิตใจ ซึ่งคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ พี่น้อง สามี ภรรยา หรือลูกๆ ควรเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างกำลังใจให้ผู้ป่วยแก้ปัญหา หรืออาจไปพบผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษา

กรณีที่กลุ่มผู้ดื่มเข้าข่ายเป็นโรคติดเหล้าเรื้อรัง มีอาการลงแดงเมื่อขาดสุรา กลุ่มนี้ต้องการการบำบัดทางการแพทย์ เช่น การถอนพิษ การใช้ยาเพื่อการป้องกันและบำบัดอาการลงแดง อาจจะต้องเข้ารับการบำบัดในโรงพยาบาลจนกว่าสภาพร่างกายและจิตใจดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม สุรา มีผลเสียต่อร่างกายและจิตใจ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การดื่มสุราอยู่ประจำหรือครั้งคราว จะทำให้เกิด “ภาวะติดยา” ซึ่งปัจจุบันมีการค้นคว้าและแสดงให้เห็น กลไกการติดยาทางสมอง รวมทั้งการทำลายเซลล์ประสาทในสมอง

หลายคนเริ่มรู้ตัวว่ามี “ภาวะติดยา” เมื่อจะเลิกดื่มสุราและเลิกใช้ยาเสพติดแล้วเกิดอาการ ขาดยา ทางร่างกายหรือมีความรู้สึกอยากดื่มทำให้ไม่ประสบความสำเร็จในการเลิกดื่มสุรา

นอกจากนั้น หลายคนเมื่อเลิกดื่มสุรา แล้วมีภาวะผิดปกติทางสุขภาพจิต เช่น วิตกกังวล ซึมเศร้าเพราะการดื่มสุรา เป็นระยะเวลานาน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสารชีวเคมีในสมอง ซึ่งคนกลุ่มนี้จำเป็นต้องได้รับการรักษาจากจิตแพทย์

เรื่อง: บุษกร ภู่แส
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

Shares:
QR Code :
QR Code