ยาต้านเอดส์กระทบประสาท
พบมีผลข้างเคียงระยะยาว
เจนีวา : องค์การอนามัยโลก (who) ออกคำแนะนำใหม่ว่า ประเทศต่างๆควรทยอยเลิกใช้ยาต้านเอดส์ที่ใช้กันแพร่หลายที่สุดขนานหนึ่งเนื่องจากมีผลข้างเคียงระยะยาวที่ไม่สามารถแก้ไขได้เรื่องร่างกายซูบผอมและเส้นประสาทผิดปรกติ พร้อมกับแนะนำสตรีมีครรภ์ที่ติดเชื้อเอชไอวีว่าควรเริ่มรับยาต้านเอดส์แต่เนิ่นๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก
องค์การอนามัยโลกระบุว่า ประเทศกำลังพัฒนาใช้ยาขนานดังกล่าวอย่างแพร่หลาย ด้วยเป็นยาชุดแรกราคาถูกและใช้ง่ายแต่ทำให้ระบบประสาทผิดปรกติ เป็นเหตุให้รู้สึกมึนงง ปวดแสบที่มือและเท้า ไขมันในร่างกายหายไป ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่ไม่สามารถแก้ไขได้ จากเหตุดังกล่าวจึงแนะให้ประเทศต่างๆทยอยเลิกใช้ยาขนานดังกล่าวแล้วเปลี่ยนไปใช้ยาที่มีผลข้างเคียงน้อยกว่าแต่ให้ผลในการรักษาทัดเทียมกัน
ปัจจุบันทั่วโลกมีผู้รับยาต้านเอดส์มากกว่า 4 ล้านคน และก่อนหน้านี้ในปี 2549 องค์การอนามัยโลกแนะให้ทยอยเลิกใช้ยาขนานนี้มาก่อนแล้ว ขณะเดียวกันองค์การอนามัยโลกยังแนะนำให้ผู้ติดเชื้อทั้งผู้ใหญ่และวัยรุ่นรับยาต้านเอดส์แต่เนิ่นๆ เพื่อลดปริมาณไวรัสเอชไอวีได้เร็วขึ้น และลดความเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น เพราะมีหลักฐานชัดเจนว่า การเริ่มรับยาแต่เนิ่นๆช่วยลดอัตราการเสียชีวิต การแพร่เชื้อเอชไอวีและวัณโรคลงได้
ด้านมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ในไทยเสนอรัฐขยายเวลาทำซีแอลยาต้านไวรัสเอดส์ 2 ขนานที่จะหมดซีแอลยาในปี2554 เพื่อให้ผู้ป่วยใช้ยาราคาถูก เข้าถึงยาและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พร้อมระบุยังมีผู้ติดเชื้อกว่า 300,000 คนยังไม่ได้รับการรักษาในระบบเนื่องจากยังมีความเชื่อว่าเอดส์เป็นแล้วจะต้องตาย
ที่มา: หนังสือพิมพ์โลกวันนี้
update: 1-12-52
อัพเดทเนื้อหาโดย: กิตติยา ธนกาลมารวย