“พะเยา…โมเดล” ต้นแบบ “งดเหล้า” ที่หนึ่งเมืองไทย

ที่มา : เว็บไซต์ไทยรัฐ



แฟ้มภาพ


จากจังหวัดที่ติดอันดับหนึ่งของการ “ดื่มสุรา” สูงมากที่สุดในประเทศไทย กลายมาเป็นต้นแบบของการจัดการแก้ไขปัญหาการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุด


สำหรับจังหวัดพะเยา ไม่ใช่แค่ลดการดื่ม แต่วันนี้ “พะเยา…โมเดล” เป็นหนึ่งในแนวทางของการสร้างความสำเร็จในการทำให้เกิดจังหวัดปลอดเหล้าอย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุด


จากการลงพื้นที่ร่วมงาน “วันงดสุราแห่งชาติ จังหวัดพะเยาประจำปี 2560” เมื่อเร็วๆนี้ ดร.นพ.บัณฑิต ศรไพศาล รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) บอกว่า การแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นพันธกิจหลักประการหนึ่งของ สสส. เนื่องจากเงินกองทุนที่ สสส.นำมาทำงานมาจากภาษีสินค้าสุราโดยตรง



รองผู้จัดการกองทุน สสส. บอกว่า การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อให้เกิดผลกระทบเชิงลบมากมายต่อตัวผู้ดื่มเอง คนในครอบครัว และต่อสังคมโดยรวม เช่น ก่อให้เกิดโรคมากกว่า 200 โรค อาทิ โรคตับแข็ง โรคมะเร็งตับ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ โรคพิษ สุราเรื้อรัง โรคจิตจากการดื่มสุรา ฯลฯ


ยิ่งไปกว่านั้น คุณหมอบัณฑิต ให้ข้อมูลว่าครอบครัวที่มีพ่อหรือแม่ดื่มสุรามีโอกาสเกิดความรุนแรงมากกว่าครอบครัวที่ไม่มีพ่อหรือแม่ดื่มสุราถึง 4 เท่า เยาวชนในสถานพินิจถึงร้อยละ 40 ยอมรับว่าก่ออาชญากรรมภายใน 5 ชั่วโมงหลังดื่มสุรา


“สำหรับจังหวัดพะเยา จากการสำรวจพฤติกรรมการดื่มสุราของประชากรไทย โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี 2554 พบว่ามีสัดส่วนของผู้ดื่มสุราสูงที่สุดในประเทศไทย สถานการณ์เช่นนี้ส่งผลให้ทุกภาคส่วนในจังหวัด ลุกขึ้นมาร่วมมือกันแก้ไขปัญหาการดื่มสุราอย่างจริงจัง”


คุณหมอบัณฑิต บอกว่า การทำงานไม่ใช่แค่รณรงค์เรื่องการงดดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เท่านั้น แต่ทุกหน่วยงานร่วมกันทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง มีการตรวจสอบโรงงานกลั่นสุราชุมชน ร้านจำหน่ายสุรา ตลอดจนใช้มาตรการด้านกฎหมายทุกรูปแบบจนประสบความสำเร็จ เกิดนวัตกรรมในการแก้ไขปัญหาที่สามารถเป็นต้นแบบและแนวทางให้จังหวัดอื่นๆได้



ด้าน นายประจญ ปรัชญ์สกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา บอกว่า ความสำเร็จนี้มาจากการแปรวิกฤติให้เป็นโอกาส หลังจากที่จังหวัดพะเยาได้รับการประกาศว่ามีประชากรดื่มสุรามากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศ ก็ทำให้คนพะเยามองเห็นว่า การเป็นแชมป์แบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจ จึงเกิดกระแสตื่นตัว มีการขับเคลื่อนกิจกรรมลดการดื่มสุราในพื้นที่ โดยจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จังหวัดพะเยาขึ้นในปี 2557 และกำหนดเป็นนโยบายเร่งด่วน มีเป้าหมายหลัก คือ พะเยาไม่เป็นจังหวัด ที่มีผู้ดื่มแอลกอฮอล์เป็นอันดับ 1


รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา บอกอีกว่า การดำเนินการได้กำหนดยุทธศาสตร์การควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 5 ยุทธศาสตร์ ตั้งแต่สร้างคณะทำงานและเครือข่ายทุกระดับ เชื่อมต่อคณะกรรมการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จังหวัด, สร้างทีมวิทยากรกระบวนการแก้ไขปัญหา, พัฒนาทีมสื่อมวลชน นักจัดรายการวิทยุเชิงสร้างสรรค์สังคม, ควบคุมการผลิตจำหน่ายสุราชุมชน สุราเถื่อน จัดโซนนิ่ง มีมาตรการภาษี และกำหนดพื้นที่ปลอดเหล้ามากขึ้น และพัฒนาชุมชนให้เกิดเครือข่ายเข้มแข็งลดปัจจัยเสี่ยง แลกเปลี่ยนและคัดเลือกคนต้นแบบ หมู่บ้านต้นแบบ และส่งเสริมการศึกษาวิจัยในพื้นที่จนปรากฏผลเป็นรูปธรรมจังหวัดพะเยามีงานศพปลอดเหล้าสูงถึง 84% แหล่งท่องเที่ยว เช่น กว๊านพะเยา สามารถลดการขายและดื่มสุราได้ถึง 90%



ขณะที่ ว่าที่ร้อยตรี สมัย คำชมภู ปลัดจังหวัดพะเยา ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขยายความถึงผลการดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหาการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของจังหวัดพะเยา หรือที่เรียกว่า “พะเยาโมเดล” ว่า นอกจากงานศพปลอดเหล้า 84% แล้ว ขณะนี้โรงกลั่นสุราในจังหวัดลดลง 32% จากเดิม 270 โรง ปี 2557 ปัจจุบันเหลือ 160 โรง, กว๊านพะเยาปลอดเหล้า 90%, เกิดชมรมคนเลิกเหล้า มีสมาชิกมากถึง 1,769 คน, มีบุคคลต้นแบบการลด ละ เลิก บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 250 คน


“จากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องของคณะทำงาน จ.พะเยา พบว่าจากการสำรวจข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน (จปฐ.) ของสำนักงานพัฒนาชุมชน ในหัวข้อคนในครัว เรือนไม่ดื่มสุรา ในปี 2558 จากอันดับที่หนึ่ง ขณะนี้จังหวัดพะเยา ลดลงไปอยู่ในอันดับที่ 25 ของประเทศแล้ว” ปลัดจังหวัดพะเยา บอก



สุดท้าย นางสาวอรุณี ชำนาญยา ประธานเครือข่ายประชาคมงดเหล้าจังหวัดพะเยา บอกถึงหัวใจสำคัญของการแก้ปัญหาจนประสบความสำเร็จว่า อยู่ที่การเน้นให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการวิเคราะห์หาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน มีการลงนามข้อตกลงร่วมกัน (MOU) เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติในชุมชน สร้างภูมิคุ้มกันในครอบครัว และในกลุ่มเยาวชน


อรุณี บอกด้วยว่า สิ่งสำคัญที่ภาคประชาสังคมให้ความสำคัญคือ การร่วมรับฟังความคิดเห็นในเวทีต่างๆ ซึ่งทำให้รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ที่ชุมชนไม่สามารถจัดการเองได้ เช่น กรณีปัญหาการบริโภคสุราเถื่อน ที่ส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพ ครอบครัว ชุมชน และทวีความรุนแรงมากขึ้น จนชุมชนเห็นพ้องต้องกันว่าควรยุบโรงกลั่นสุราชุมชน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหา ซึ่งเป็นความต้องการของชุมชนเอง ที่ภาครัฐไม่ได้เข้าไปชี้นำเลย


ซึ่งถ้าถามว่า อะไรคือจุดเปลี่ยนและความสำเร็จของ “พะเยา…โมเดล” คงต้องบอกว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างประชาสังคมที่เข้มแข็ง เพราะไม่ว่าจะมีกฎหมายที่แข็งแรงขนาดไหน งบประมาณมากมายมหาศาลขนาดไหน ถ้าไม่มีส่วนร่วมจากภาคประชาชน ไม่ว่างานไหนก็ไม่มีวันสำเร็จ

Shares:
QR Code :
QR Code