ปรับพฤติกรรม 3 สุขนิสัย “รวมพลังเพื่อเด็กสุขภาพดี”
ที่มา : เดลินิวส์
แฟ้มภาพ
โครงการ "รวมพลังเพื่อเด็กสุขภาพดี" แนะนำ 3 สุขนิสัยในชีวิตประจำวันที่ควรปลูกฝังเพื่อให้เด็กมีสุขภาพแข็งแรง
โครงการ "รวมพลังเพื่อเด็กสุขภาพดี" (United for Healthier Kids) เดินหน้าสร้างความตระหนัก ให้ความรู้ด้านโภชนาการ และนำเสนอเทคนิคการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพ แก่พ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กวัย 3-5 ขวบ ผ่านโรงเรียนนำร่องของโครงการฯ และผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก United for Healthier Kids TH พร้อมแนะนำ 3 สุขนิสัยในชีวิตประจำวันที่ควรปลูกฝังเพื่อให้เด็กมีสุขภาพแข็งแรง ได้แก่ 1) การเลือกรับประทานอาหารที่หลากหลาย เพิ่มผักผลไม้ 2) การเลือกดื่มน้ำเปล่าแทนน้ำหวาน 3) การขยันขยับเคลื่อนไหวร่างกายให้มากขึ้น
อาจารย์รณสิงห์ รือเรือง นักจิตวิทยาคลินิก ระดับชำนาญการพิเศษ สถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ (เชียงใหม่) ที่ปรึกษาโครงการฯ กล่าวว่า อยากให้เด็กปรับ ผู้ใหญ่ต้องเปลี่ยนก่อน เนื่องจากเด็กเรียนรู้พฤติกรรมจากการสังเกตคนใกล้ชิด ผู้ปกครองจึงต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็ก เช่น หากพ่อแม่ติดน้ำหวาน ลูกเห็นก็จะดื่มตาม ถ้าพ่อแม่ดื่มน้ำเปล่าให้ลูกเห็นบ่อยๆ ลูกก็จะดื่มตามเช่นกัน หรือหากเด็กไม่ชอบทานผัก ผู้ปกครองสามารถทานให้ดูเป็นตัวอย่างในแต่ละมื้อ แล้วค่อย ๆ โน้มน้าวให้เด็กได้ลองทานบ้าง จะได้ผลดีกว่าการสั่งหรือบังคับ
เคล็ดลับ 4 ขั้นตอนในการสร้างแรงจูงใจเพื่อให้เด็กเปลี่ยน ดังนี้ 1. เข้าหาเด็กก่อนเสมอ นั่งลงพูดคุยในระดับสายตาของเด็ก เพื่อแสดงความให้เกียรติกัน แทนที่จะตะโกนเรียกให้เขาเข้ามาหาเรา หรือพูดสอนอยู่ห่าง ๆ 2. ชวนคุยในเรื่องที่เขาสนใจหรือกำลังทำสิ่งนั้นอยู่ เพื่อแสดงความเป็นมิตรที่เข้าใจลูกเสมอ 3. ไม่ใช้คำสั่ง แต่เปลี่ยนเป็นคำพูดในเชิงแสดงความคิดเห็นว่าเขาสามารถทำในสิ่งที่เราต้องการได้หรือไม่ เด็กจะไม่รู้สึกว่าถูกบังคับ แต่เป็นการเปิดให้ เขาได้ตัดสินใจและลงมือทำด้วยตนเองอย่างเต็มใจ และ 4. แสดงความชื่นชม ทุกครั้งที่เด็กลงมือทำตามที่ต้องการ พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องชื่นชมเพื่อเป็นกำลังใจและแรงกระตุ้นให้เด็กอยากทำอีก
คุณสุมิตรา ตันติพิทักษ์วงศ์ คุณแม่ของน้องอู่จี๊ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้น้องมีน้ำหนักเกินมาตรฐานของเด็กชั้นอนุบาล 3 ระบบขับถ่ายไม่ดี และเป็นหวัดบ่อย แต่หลังจากที่น้องเข้าร่วม โครงการฯ ที่โรงเรียน และคุณพ่อคุณแม่ได้เข้าร่วมเวิร์กช็อปที่บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด จัดขึ้นสำหรับผู้ปกครอง ครอบครัวเราได้นำสิ่งที่เรียนรู้ในวันนั้นมาปรับใช้กันทั้งบ้าน ตั้งแต่การปรับปริมาณและการปรุงอาหารที่ไม่ต้องปรุงแต่งเหมือนอาหารสำหรับผู้ใหญ่ ชวนน้องมาช่วยทำอาหาร ส่วนคุณพ่อก็ชวนลูกออกมาวิ่งเล่นรอบหมู่บ้าน ลดการใช้อารมณ์เวลาพูดคุยกับลูก ไม่ตะคอก นำหลักจิตวิทยามาใช้ ทุกวันนี้น้องเชื่อฟังพ่อแม่มากขึ้น และน้ำหนักก็ลดลงตามเกณฑ์ ร่างกายก็ดีขึ้นมาก.